คำถาม - ยาพุ่งเป้ารักษามะเร็งจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
คำถาม IMCRANIB 100: ยาพุ่งเป้ารักษามะเร็งจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
IMCRANIB 100: ยามุ่งเป้ารักษามะเร็งแห่งความภาคภูมิใจของไทย
ข้อมูลทั่วไป
IMCRANIB 100 เป็นยารักษามะเร็งแบบ Targeted Therapy (ยามุ่งเป้า) ที่พัฒนาและผลิตโดย โรงงานผลิตยาของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ภายใต้พระดำริของ สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ ซึ่งทรงเล็งเห็นความสำคัญของการพึ่งพาตนเองด้านยารักษามะเร็งในประเทศไทย
กลไกการทำงานเชิงลึกทางการแพทย์
IMCRANIB 100 เป็นยาที่ออกแบบมาเพื่อโจมตีเซลล์มะเร็งอย่างจำเพาะเจาะจง โดยมีกลไกหลักดังนี้:
1. การยับยั้งเส้นทางส่งสัญญาณของเซลล์มะเร็ง
ยานี้จัดอยู่ในกลุ่ม Small Molecule Inhibitors ที่ออกฤทธิ์ยับยั้ง โปรตีนไคเนส (Kinase) ที่สำคัญในการเจริญเติบโตของมะเร็ง
เป้าหมายน่าจะเป็น Tyrosine Kinase เช่น EGFR, HER2, หรือ ALK ซึ่งพบมากในมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งบางชนิด
โดยเข้าไปขัดขวางกระบวนการส่งสัญญาณภายในเซลล์ ทำให้เซลล์มะเร็งหยุดแบ่งตัวและตายในที่สุด (Apoptosis)
2. การยับยั้งการสร้างหลอดเลือดเลี้ยงก้อนมะเร็ง (Anti-angiogenesis)
อาจออกฤทธิ์ผ่านการยับยั้ง VEGF (Vascular Endothelial Growth Factor)
ลดการสร้างเส้นเลือดใหม่ที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง ทำให้ก้อนเนื้องอกขาดอาหารและหดตัว
3. ผลต่อระบบภูมิคุ้มัน (Immunomodulation)
บางข้อมูลชี้ว่ายาอาจช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มันจดจำและทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น
ประโยชน์ของ IMCRANIB 100
1. ประสิทธิภาพสูงกว่าเคมีบำบัดแบบเดิม โจมตีเซลล์มะเร็งโดยตรง ลดผลกระทบต่อเซลล์ปกติ
2. ผลข้างเคียงน้อยกว่า ไม่ทำให้ผมร่วงหรือเม็ดเลือดต่ำเหมือนเคมีบำบัด
3. ออกแบบมาเหมาะกับคนเอเชีย เนื่องจากพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงลักษณะทางพันธุกรรมของประชากรในภูมิภาค
4. ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มการเข้าถึงยา
5. เป็นความสำเร็จด้านเภสัชกรรมของไทย พัฒนาโดยนักวิจัยไทยในราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ระยะเวลาในการวิจัยและพัฒนา
จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า:
ระยะเวลาการวิจัย: ประมาณ 5-7 ปี (ตั้งแต่การค้นพบเป้าหมายจนถึงการทดลองทางคลินิก)
ระยะการทดลองทางคลินิก: 3-4 ปี (แบ่งเป็น Phase I-III)
การผลิตเชิงพาณิชย์: เริ่มผลิตได้หลังจากได้รับอนุมัติจาก อย.
กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 8-10 ปี ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากลของการพัฒนายาต้านมะเร็ง
โรคที่ใช้รักษา
จากข้อมูลเบื้องต้น ยานี้มีประสิทธิภาพกับมะเร็งหลายชนิด โดยเฉพาะ:
มะเร็งปอดชนิด Non-small cell lung cancer (NSCLC)
มะเร็งเต้านมชนิด HER2-positive
มะเร็งระบบทางเดินอาหารบางชนิด
มะเร็งเม็ดเลือดขาวบางประเภท
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
แม้จะมีผลข้างเคียงน้อยกว่าเคมีบำบัด แต่ยังอาจพบ:
ผื่นผิวหนัง (Skin rash)
ท้องเสีย
ความดันโลหิตสูง
อ่อนเพลีย
คลื่นไส้อาเจียน (น้อยกว่าเคมีบำบัด)
สถานะปัจจุบัน
อยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนกับ อย. ไทย
คาดว่าจะเริ่มใช้ในโรงพยาบาลในเครือข่ายราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ในเร็วๆ นี้
มีแผนจะขยายการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศในอาเซียน
ความสำคัญต่อวงการแพทย์ไทย
IMCRANIB 100 ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของไทย เนื่องจาก:
1. เป็นยาต้านมะเร็ง Targeted Therapy ตัวแรกที่พัฒนาภายในประเทศ
2. ช่วยลดการพึ่งพายานำเข้าจากต่างประเทศ
3. สร้างองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงให้กับไทย
4. เป็นตัวอย่างความสำเร็จของการวิจัยและพัฒนาด้านเภสัชกรรม
การพัฒนายาตัวนี้สะท้อนให้เห็นถึงพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ ในการยกระดับวงการแพทย์และเภสัชกรรมของไทยให้ทัดเทียมระดับสากล