แชร์

คำถาม : นอนดึกตื่นสายแต่ทำไมยังรู้สึกง่วง(ง่วงแล้วน๊า)

 

คำถาม : นอนดึกตื่นสายแต่ทำไมยังรู้สึกง่วง(ง่วงแล้วน๊า)
การนอนดึกและตื่นสายแต่ยังรู้สึกง่วงซึมสามารถอธิบายได้ด้วยกลไกทางสรีรวิทยาและการแพทย์ที่ซับซ้อน ดังนี้

1. ความบกพร่องของสถาปัตยกรรมการนอนหลับ (Sleep Architecture Disruption)
Slow-Wave Sleep (SWS) และ REM Sleep ขาดหาย:
SWS (ระยะหลับลึก): สำคัญต่อการซ่อมแซมร่างกาย กระตุ้นโกรทฮอร์โมน (GH) และล้างสารพิษในสมองผ่าน Glymphatic System หากนอนดึก แสงและเสียงรบกวนจะกระตุ้น Micro-Arousals ทำให้ไม่เข้าสู่ SWS ได้เต็มที่
REM Sleep: ช่วยฟื้นฟูสมองและความจำ หากวงจรการนอนถูกรบกวน (เช่น ตื่นกลางดึกบ่อย) จะเกิด REM Fragmentation ทำให้สมองไม่ได้รับการพักผ่อนสมบูรณ์

2. ภาวะ Circadian Rhythm Misalignment (ความไม่สมดุลของนาฬิกาชีวภาพ)
Delayed Sleep-Wake Phase Disorder (DSWPD):
เมลาโทนิน (Melatonin) หลั่งช้ากว่าปกติ เนื่องจากได้รับแสงสีน้ำเงิน (Blue Light) จากหน้าจอในเวลากลางคืน ซึ่งกระตุ้น Intrinsically Photosensitive Retinal Ganglion Cells (ipRGCs) ยับยั้งการหลั่งเมลาโทนิน
Cortisol Awakening Response (CAR): ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ควรสูงขึ้นตอนเช้าเพื่อให้ตื่นตัว กลับหลั่งไม่สัมพันธ์กับเวลาตื่น ส่งผลให้เกิด Sleep Inertia (อาการมึนงงหลังตื่น)

3. ความผิดปกติของระบบประสาทเคมี (Neurochemical Dysregulation)
Orexin/Hypocretin Deficiency:
Orexin จาก lateral hypothalamus ทำหน้าที่รักษาสภาวะตื่นตัว หากทำงานบกพร่องจะเกิดอาการง่วงกลางวันแม้นอนพอ
พบในโรค Idiopathic Hypersomnia และ Narcolepsy Type 2
Adenosine Buildup:
สารอะดีโนซีนสะสมในสมองขณะตื่น หากนอนไม่เป็นเวลา ระบบ Adenosine Clearance ใน basal forebrain ทำงานผิดปกติ ทำให้รู้สึกอ่อนล้าตลอดวัน

4. ภาวะ Allostatic Overload (ความเครียดสะสมเรื้อรัง)
HPA Axis Hyperactivation:
ความเครียดเรื้อรังกระตุ้น Hypothalamic-Pituitary-Adrenal (HPA) Axis ทำให้คอร์ติซอลสูงผิดเวลา ก่อให้เกิด Hyperarousal State ขณะหลับ ส่งผลให้หลับไม่ลึก
Sympathetic Overactivity:
ระบบประสาทซิมพาเทติกทำงานเกินควร ทำให้เกิด ภาวะตื่นตัวแฝง (Paradoxical Arousal) แม้ร่างกายนอนหลับ

5. โรคทางระบบทางเดินหายใจขณะหลับ (Sleep-Disordered Breathing)
Upper Airway Resistance Syndrome (UARS):
ทางเดินหายใจตีบแคบ ทำให้เกิด Respiratory Effort-Related Arousals (RERAs) สมองตื่นสั้นๆ แบบไม่รู้ตัว (Non-Arousal) ส่งผลให้ Sleep Efficiency ต่ำแม้รวมชั่วโมงนอนมาก
Obstructive Sleep Apnea (OSA):
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้ออกซิเจนในเลือดต่ำ (Hypoxemia) กระตุ้นสมองตื่นบ่อย พบ Sleep Fragmentation

6. ปัจจัยเสริมทางพฤติกรรม (Behavioral Factors)
Social Jet Lag:
นาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) ไม่ตรงกับเวลาทางสังคม เช่น นอน 4 ทุ่ม-10 โมงเช้าในวันทำงาน แต่เปลี่ยนเป็นนอน 5 ทุ่ม-เที่ยงวันหยุด ส่งผลให้เกิดอาการคล้ายเจ็ตแล็ก
Chronotype Mismatch:
บุคคลประเภท "Night Owl" ที่ถูกบังคับให้ตื่นเช้า ทำให้เกิด Chronic Sleep Deprivation แม้ชดเชยด้วยการนอนยาว

การวินิจฉัยเพิ่มเติม (Diagnostic Approach)
1. Polysomnography (PSG): ตรวจคลื่นสมอง (EEG), การหายใจ, ระดับออกซิเจน
2. Multiple Sleep Latency Test (MSLT): วัดความง่วงกลางวัน
3. Actigraphy: วิเคราะห์รูปแบบการนอน-ตื่น
4. ตรวจเลือด: วัดระดับวิตามิน D, B12, ธาตุเหล็ก, ฮอร์โมนไทรอยด์

แนวทางการรักษา (Management)
Chronotherapy: ปรับเวลานอนทีละ 15 นาที/วัน ให้สอดคล้องกับแสงธรรมชาติ
Bright Light Therapy: รับแสงแดดยามเช้า 30 นาที เพื่อรีเซ็ต SCN
Melatonin Agonists: เช่น Ramelteon รับประทานก่อนนอน 1-2 ชม.
Cognitive Behavioral Therapy for Insomnia (CBT-I): ปรับความคิดและพฤติกรรมรบกวนการนอน
รักษาโรคร่วม: เช่น ใช้ CPAP ในผู้ป่วย OSA, ให้ Dopamine Agonists ใน RLS

หากอาการไม่ดีขึ้นหลังปรับพฤติกรรม 3-4 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ (Sleep Specialist) เพื่อหาสาเหตุลึกซึ้งต่อไป!


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy