แชร์

วันพระบิดาแห่งฝนหลวง

8 ผู้เข้าชม

ความสำคัญและที่มา:
วันที่ 14 พฤศจิกายน เป็นวันที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องร่วม audience ครั้งแรกเพื่อถวายงานโครงการฝนหลวง ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อปี พ.ศ. 2512
เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในการที่ทรงพระราชทานโครงการฝนหลวงเพื่อแก้ปัญหาความแห้งแล้งให้แก่ปวงชนชาวไทย คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2545 กำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็น วันพระบิดาแห่งฝนหลวง
กิจกรรมในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง:
ในวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ **กรมฝนหลวงและการบินเกษตร** จะจัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เช่น
-พิธีถวายสักการะพระบรมสาทิสลักษณ์
-พิธีวางพวงมาลา
-การจัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโครงการฝนหลวงและพระราชกรณียกิจ
-การจัดกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์

สรุปว่า วันพระบิดาแห่งฝนหลวง ตรงกับ วันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันสำคัญที่ประชาชนชาวไทยได้น้อมรำลึกถึงพระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงพระราชทาน "ฝนหลวง" เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนผู้ประสบปัญหาความแห้งแล้งมาอย่างยาวนาน

ความเป็นมาและความสำคัญ
โครงการฝนหลวงเป็นโครงการหนึ่งในหลายๆ โครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนที่ประสบปัญหาความแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำสำหรับการเกษตรและการบริโภค
จุดเริ่มต้น: พระราชดำริเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2498 จากการที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพสกนิกรในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทรงพบเห็นความทุกข์ยากของประชาชนที่ขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตร
พระราชดำริ: ทรงคิดหาวิธีที่จะทำให้เกิดฝนตกนอกเหนือจากธรรมชาติ โดยนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ทรงศึกษาค้นคว้าและวิจัยด้านอุตุนิยมวิทยาอย่างจริงจัง

ความสำเร็จและประโยชน์
-ช่วยบรรเทาความแห้งแล้ง ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยอย่างได้ผล
-เพิ่มปริมาณน้ำ ในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำสำหรับการเกษตรและการผลิตน้ำประปา
-เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ และช่วยลดปัญหาหมอกควันและไฟป่า
-เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และหลายประเทศได้นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้

หลักการของฝนหลวง
ฝนหลวงไม่ได้เป็นการ "สร้างฝน" ขึ้นมาจากไม่มีอะไร แต่เป็นการ เร่งหรือเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเกิดเมฆให้กลายเป็นฝน ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
ก่อกวน (Agglomerating): คือการบินไปยังพื้นที่ที่มีความชื้นในอากาศสูง (มักเป็นอากาศจากอ่าวไทย) แล้ว "ปลูก" เมฆโดยใช้สารเคมี (เช่น แคลเซียมคลอไรด์, ยูเรีย) เพื่อดูดซับความชื้นและกระตุ้นให้เกิดกลุ่มไอน้ำหรือเมฆฝนขนาดเล็ก
เลี้ยงให้อ้วน (Growing): เมื่อเมฆเริ่มก่อตัวแล้ว จะมีการโปรยสารเคมีอีกครั้ง (เช่น น้ำแข็งแห้ง, ยูเรีย) เพื่อเพิ่มขนาดของเมฆให้ใหญ่ขึ้นและรวมตัวกันเป็นก้อนเมฆที่มีพลัง
โจมตี (Attacking): เมื่อเมฆมีขนาดใหญ่และมีปริมาณความชื้นเพียงพอ จะมีการโปรยสารเคมีเพื่อกระตุ้นให้เกิดกระบวนการกลั่นตัวของไอน้ำในเมฆอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นฝนตกลงมาในพื้นที่เป้าหมาย


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy