วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล

ความสำคัญและที่มา:
จุดประสงค์หลัก: เพื่อรณรงค์และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงและเด็กหญิงทั่วโลก พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการยุติความรุนแรงดังกล่าว
ผู้ประกาศ: สหประชาชาติ (United Nations)
เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ: สหประชาชาติประกาศให้วันที่ 25 พฤศจิกายน เป็นวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล ในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999)
ที่มาของวันที่: การเลือกวันที่ 25 พฤศจิกายน มาจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญทางการเมืองในสาธารณรัฐโดมินิกัน เมื่อปี พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) เมื่อบรรดาพี่น้องสตรีนักกิจกรรมการเมืองสามคนที่รู้จักกันในชื่อ "มิราเบิล sisters" (พี่น้องมิราเบล) ถูกสังหารอย่างโหดร้ายโดยคำสั่งของเผด็จการ Rafael Trujillo
เป้าหมายและวัตถุประสงค์:
-สร้างความตระหนัก: ให้สังคมตระหนักว่าความรุนแรงต่อสตรีเป็นปัญหาสากลและเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
-ส่งเสริมการป้องกัน: สนับสนุนนโยบายและมาตรการเพื่อป้องกันความรุนแรงทุกรูปแบบ
-สนับสนุนผู้เสียหาย: ให้ความช่วยเหลือและปกป้องผู้หญิงและเด็กหญิงที่ตกเป็นเหยื่อ
-เรียกร้องการเปลี่ยนแปลง: กระตุ้นให้รัฐบาลและสังคมทั่วโลกตื่นตัวและดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อยุติปัญหานี้
-รูปแบบของความรุนแรงต่อสตรี
-ความรุนแรงต่อสตรีมีหลายรูปแบบ ได้แก่
- ความรุนแรงในครอบครัว
- การล่วงละเมิดทางเพศ
- การค้ามนุษย์
- การบังคับแต่งงาน
- การขลิบอวัยวะเพศหญิง
- ความรุนแรงทางจิตใจและคำพูด
- กิจกรรมในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล
ในวันนี้จะมีกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ ทั่วโลก เช่น
-การจัดงานรณรงค์สีส้ม: สหประชาชาติกำหนดให้ใช้สีส้มเป็นสัญลักษณ์ของการรณรงค์
-การเดินขบวนและกิจกรรมสาธารณะ เพื่อแสดงพลัง
-การจัดเสวนาและนิทรรศการ ให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหา
-การระดมทุน เพื่อสนับสนุนศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
-การรณรงค์ในสื่อสังคมออนไลน์ ด้วยแฮชแท็กต่างๆ
ระยะเวลาการรณรงค์
การรณรงค์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่วันเดียว แต่มีการขยายเป็น "16 วันแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรี" เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน ไปจนถึงวันที่ 10 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันสิทธิมนุษยชนสากล
สรุปว่า วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล ตรงกับ วันที่ 25 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันสำคัญที่สหประชาชาติกำหนดขึ้นเพื่อรณรงค์ยุติความรุนแรงทุกรูปแบบต่อผู้หญิงและเด็กหญิงทั่วโลก และส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ


