การจัดการทางเดินหายใจในผู้บาดเจ็บที่ศีรษะและคอ?

การจัดการทางเดินหายใจในผู้บาดเจ็บที่ศีรษะและคอ
ประเด็นหลัก:
1. ขั้นตอนแรก: พยายามเปิดทางเดินหายใจด้วยวิธี Jaw thrust ร่วมกับการใช้อุปกรณ์ช่วยเปิดทางเดินหายใจ (airway adjunct)
2. หากวิธีข้างต้นไม่ได้ผล: ผู้ช่วยเหลือที่ได้รับการฝึกมาแล้ว ควรใช้วิธี Head tiltchin lift แทน
เหตุผล: สิ่งสำคัญสูงสุดคือการทำให้ทางเดินหายใจของผู้ป่วยโล่ง เพื่อให้สามารถออกซิเจนและหายใจได้ แม้ว่าโดยหลักการแล้วการบาดเจ็บที่ศีรษะและคอควรหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวของคอ และวิธี Jaw thrust จะเป็นวิธีที่เหมาะสมกว่า แต่ การได้มาซึ่งทางเดินหายใจที่โล่งเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
หลักการพื้นฐานที่ต้องเข้าใจก่อน
1. Dilemma (ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก): ผู้ป่วยบาดเจ็บศีรษะและคอ มีความเสี่ยงสองด้านที่ต้องบาลานซ์ไว้ตลอดเวลา
ด้าน A: Airway (ทางเดินหายใจอุดตัน -> ตาย): หากทางเดินหายใจอุดตันจากลิ้นตกหรือสิ่งแปลกปลอม ผู้ป่วยจะขาดออกซิเจนและเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว (เป็นวินาทีและนาที)
ด้าน B: Spine (การบาดเจ็บไขสันหลัง -> พิการ): การขยับคออาจทำให้การบาดเจ็บของกระดูกคอหรือไขสันหลังรุนแรงขึ้น นำไปสู่ความพิการได้ (เป็นเรื่องของชั่วโมงหรือวัน)
2. ลำดับความสำคัญ (Hierarchy): ในทางการแพทย์ช่วยชีวิต "การเสียชีวิตจากทางเดินหายใจอุดตัน (ด้าน A) รุนแรงและเร็วกว่าความเสี่ยงจากการขยับคอ (ด้าน B)" ดังนั้น หลักการคือ "Airway Trumps Everything" หรือการได้มาซึ่งทางเดินหายใจที่โล่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
รายละเอียดเชิงลึกของคำแนะนำ
1. ทำไม Jaw Thrust ถึงเป็น "ตัวเลือกแรก" (First-line)
กลไก: วิธีนี้จะดึงขากรรไกรล่างไปข้างหน้า โดยไม่ต้องเอียงหรือยกศีรษะเลย ทำให้ลิ้นถูกดึงออกจากผนังคอหอย โดยที่กระดูกคอแทบไม่มีการเคลื่อนไหว
ข้อดี: รักษาแนวกระดูกสันหลังส่วนคอ (Spinal Immobilization) ได้ดีที่สุดในบรรดาวิธีการเปิดทางเดินหายใจด้วยมือเปล่า
ข้อจำกัด:
ทำได้ยากกว่า ต้องมีการฝึกฝน
ในผู้ป่วยบางราย (เช่น ขากรรไกรแข็ง ใบหน้ามีบาดเจ็บ) อาจทำแล้วไม่ได้ผล
2. ทำไม Head Tilt-Chin Lift ถึงเป็น "ตัวเลือกสำรองที่ยอมรับได้" (Acceptable Backup)
กลไก: วิธีนี้ใช้การเอียงศีรษะไปด้านหลังและดึงคางขึ้น ซึ่งทำให้เกิดการเคลื่อนไหว (Flexion/Extension) ที่ระดับคอ
ความเสี่ยงเชิงทฤษฎี: หากผู้ป่วยมีกระดูกคอหักหรือไขสันหลังบาดเจ็บ การขยับนี้อาจไปกดเบียดไขสันหลังให้บาดเจ็บรุนแรงขึ้นได้
เหตุผลที่ยังต้องใช้ (The Rationale for the Update):
หลักฐานในโลกจริง (Real-world Evidence): อุบัติการณ์ของการบาดเจ็บไขสันหลังที่เสื่อมสภาพจากการเปิดทางเดินหายใจด้วย Head tiltchin lift นั้น "พบได้น้อยมาก" เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ป่วยที่ช่วยชีวิตไว้ได้เพราะทางเดินหายใจโล่ง
การเปรียบเทียบความเสี่ยง (Risk-Benefit Analysis):
ความเสี่ยงจากการ "ไม่เปิด" ทางเดินหายใจ (100%): ผู้ป่วยจะเสียชีวิตจากภาวะขาดออกซิเจน
ความเสี่ยงจากการ "เปิด" ทางเดินหายใจด้วย Head tiltchin lift (ความเสี่ยงต่ำมาก): มีโอกาสน้อยมากที่จะทำให้การบาดเจ็บทางระบบประสาทแย่ลง
คำพูดในวงการแพทย์: "ผู้ป่วยสามารถอยู่ได้โดยไม่มีระบบประสาทที่สมบูรณ์ แต่ไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีออกซิเจน" (A patient can live with a neurologic deficit, but they cannot live without oxygen.)
3. บริบทสำคัญ: "ผู้ช่วยเหลือที่ได้รับการฝึกแล้ว" (Trained Rescuers)
คำแนะนำนี้ไม่ได้ให้กับประชาชนทั่วไป แต่ให้กับบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ที่ผ่านการฝึกช่วยชีวิตมาแล้ว ซึ่งหมายความว่า:
การประเมิน: พวกเขาสามารถประเมินสถานการณ์ได้ว่าผู้ป่วยไม่ตอบสนอง และ Jaw thrust ล้มเหลวจริงๆ
ความนุ่มนวล: พวกเขาสามารถทำ Head tiltchin lift ได้อย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (Manual In-Line Stabilisation) โดยพยายาม minimize การขยับคอ ในขณะที่ยังมุ่งเป้าไปที่การเปิดทางเดินหายใจ
ขั้นตอนต่อไป: พวกเขารู้ว่าการเปิดทางเดินหายใจเป็นเพียงขั้นตอนแรก และต้องเตรียมพร้อมสำหรับขั้นสูงขึ้นไป เช่น การใช้ท่อช่วยหายใจ (Endotracheal Intubation) ซึ่งเป็นวิธีปกป้องทางเดินหายใจที่ดีที่สุดในผู้ป่วยกลุ่มนี้
สรุปแนวคิดเชิงลึก
คำแนะนำนี้สะท้อนถึง "การเปลี่ยนจากหลักการที่เข้มงวด สู่หลักการที่ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางและอิงตามหลักฐาน"
ในอดีต: หลีกเลี่ยง Head tiltchin lift ในผู้ป่วย trauma ทุกกรณี เพราะกลัวความผิดทางกฎหมายและความเสี่ยงทางทฤษฎี
ปัจจุบัน: ยอมรับความเสี่ยงระดับต่ำมาก (แต่มีอยู่) ของ Head tiltchin lift เพื่อป้องกันความเสี่ยงระดับสูงสุด (คือการเสียชีวิต) ที่เกิดจากการที่ทางเดินหายใจไม่โล่ง
สรุปเป็นขั้นตอนในทางปฏิบัติสำหรับผู้ฝึกหัด:
1. เริ่มต้นด้วย Jaw Thrust พร้อมกับจัดให้คออยู่ในแนวกลางตลอดเวลา
2. หาก Jaw Thrust ล้มเหลว หลังจากพยายามแล้ว (และใส่ Airway Adjunct แล้วยังไม่พอ) -> ให้升級 ไปใช้ Head Tilt-Chin Lift ทันที
3. ทำ Head Tilt-Chin Lift อย่างนุ่มนวล โดยมีผู้ช่วยคอยยึดศีรษะและคอไว้ในแนวกลางให้มากที่สุด (หากมีผู้ช่วยเพียงพอ)
4. เป้าหมายสูงสุด หลังจากได้ทางเดินหายใจชั่วคราวแล้ว คือ การได้มาซึ่ง "ทางเดินหายใจที่แน่นอน (Definitive Airway)" ซึ่งก็คือการใส่ท่อช่วยหายใจในโรงพยาบาล โดยยังคงระมัดระวังการบาดเจ็บที่คอตลอดเวลา


