วันที่ 10 ตุลาคม : วันสุขภาพจิตโลก
วันที่ 10 ตุลาคม ของทุกปี เป็น "วันสุขภาพจิตโลก" (World Mental Health Day)
ที่มาของวันสุขภาพจิตโลก
วันสุขภาพจิตโลกถูกจัดตั้งขึ้นโดย สหพันธ์สุขภาพจิตโลก (World Federation for Mental Health: WFMH) ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ทำงานด้านสุขภาพจิต
จุดเริ่มต้น วันนี้ถูกจัดขึ้นครั้งแรกใน ปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) โดยมีนาย Richard Hunter รองประธานคนหนึ่งของ WFMH ในขณะนั้น เป็นผู้เสนอแนวคิดนี้
วัตถุประสงค์เริ่มต้น ในช่วงแรก เป้าหมายหลักคือการรณรงค์ให้ประชาชนและผู้กำหนดนโยบายตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพจิต และเพื่อต่อต้านความเข้าใจผิดและอคติที่เกี่ยวข้องกับโรคจิตเวช
การขยายผล ตั้งแต่นั้นมา มากกว่า 150 ประเทศทั่วโลกได้ร่วมจัดกิจกรรมในวันนี้ โดยในแต่ละปี WFMH จะกำหนด ธีม (Theme) หลักขึ้นมาเพื่อเป็นแนวทางในการรณรงค์ทั่วโลก
ความสำคัญของวันสุขภาพจิตโลก
ความสำคัญของวันนี้สามารถสรุปได้เป็นประเด็นหลัก ๆ ดังนี้
1. สร้างความตระหนักรู้และลดอคติ (Raising Awareness & Reducing Stigma)
นี่คือหัวใจสำคัญที่สุดของวันสุขภาพจิตโลก โรคทางจิตเวชหลายชนิดยังคงถูกตีตราจากสังคม ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากไม่กล้าเปิดเผยหรือเข้ารับการรักษา วันนี้จึงเป็นโอกาสทองในการ:
ให้ความรู้ที่ถูกต้อง ว่าโรคทางจิตใจก็เหมือนโรคทางกาย ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้
ทำลายความเชื่อผิดๆ เช่น การมองว่าผู้ป่วยจิตเวชเป็นคนอันตราย หรือเป็นคนอ่อนแอ
ส่งเสริมให้เห็นคุณค่า ของการดูแลสุขภาพจิตเช่นเดียวกับการดูแลสุขภาพกาย
2. ส่งเสริมให้เกิดการพูดคุยอย่างเปิดเผย (Promoting Open Conversations)
วันสุขภาพจิตโลกสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้คนได้พูดถึงความรู้สึก ความเครียด และปัญหาสุขภาพจิตของตนโดยไม่ต้องกลัวถูกตัดสิน การได้ "ระบาย" และรู้ว่ามีคนเข้าใจคือก้าวแรกที่สำคัญมากในการฟื้นตัว
3. ผลักดันนโยบายและการลงทุน (Advocating for Policy & Investment)
วันนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการกดดันรัฐบาลและผู้กำหนดนโยบายให้:
เพิ่มงบประมาณ ในการบริการด้านสุขภาพจิต
พัฒนาระบบบริการ ให้เข้าถึงได้ง่าย มีคุณภาพ และครอบคลุมทุกกลุ่ม
ออกกฎหมาย ที่ส่งเสริมและปกป้องสิทธิของผู้มีปัญหาสุขภาพจิต
4. การศึกษาและให้ข้อมูล (Education & Information)
กิจกรรมในวันนี้มักเต็มไปด้วยการให้ความรู้ผ่านช่องทางต่างๆ เกี่ยวกับ:
สัญญาณเตือน ของปัญหาสุขภาพจิต (เช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หงุดหงิดง่าย หมดความสนใจในสิ่งที่เคยชอบ)
วิธีการดูแลสุขภาพจิตตัวเอง (Self-care) และการจัดการความเครียด
ช่องทางการขอความช่วยเหลือ เช่น สายด่วนสุขภาพจิต ศูนย์บริการต่างๆ
5. สร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (Global Solidarity)
วันสุขภาพจิตโลกเป็นเครื่องเตือนใจว่าปัญหาสุขภาพจิตเป็นเรื่องสากลที่ไม่มีพรมแดน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เชื้อชาติใด หรือมีสถานะอย่างไร คุณก็สามารถได้รับผลกระทบได้ การร่วมรณรงค์ในวันเดียวกันทั้งโลกช่วยสร้างพลังและความหวังให้กับผู้ที่กำลังต่อสู้
ธีม (Theme) ของวันสุขภาพจิตโลกในปีต่างๆ
การมีธีมในแต่ละปีช่วยโฟกัสการรณรงค์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น
ปี 2024 (พ.ศ. 2567) "การเคลื่อนไหวเพื่อสุขภาพจิต: ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีผ่านการเชื่อมโยงและความเห็นอกเห็นใจ" (การเคลื่อนไหวเพื่อสุขภาพจิต: ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีผ่านการเชื่อมโยงและความเห็นอกเห็นใจ)*
ปี 2023 (พ.ศ. 2566)"สุขภาพจิตเป็นสิทธิของทุกคน"(Mental health is a universal human right)
ปี 2022 (พ.ศ. 2565) "ทำให้สุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทั้งหมดเป็นเรื่องสำคัญระดับโลก"(Make mental health & well-being for all a global priority)
ปี 2021 (พ.ศ. 2564)"การดูแลสุขภาพจิตในโลกที่ไม่เท่าเทียม"(Mental health in an unequal world) ซึ่งสะท้อนผลกระทบจากโควิด-19
สถานการณ์ในประเทศไทย
ในประเทศไทย ปัญหาสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างใช้โอกาสวันสุขภาพจิตโลกในการจัดกิจกรรมรณรงค์ เช่น การให้ความรู้ในสื่อสังคมออนไลน์ การจัดเสวนา การตรวจคัดกรองสุขภาพจิตเบื้องต้น
ช่องทางขอความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตในประเทศไทย
สายด่วนสุขภาพจิต 1323 (ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง)
แอปพลิเคชัน "สบายใจ" โดย กรมสุขภาพจิต
โรงพยาบาลจิตเวช และ แผนกจิตเวช ในโรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ
สรุป
วันสุขภาพจิตโลก (10 ตุลาคม) ไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ แต่เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยนวิธีที่สังคมทั่วโลกมองและจัดการกับปัญหาสุขภาพจิต เป้าหมายสูงสุดคือการสร้างโลกที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพจิตได้อย่างเท่าเทียม โดยปราศจากอคติ และตระหนักเสมอว่า "สุขภาพจิตที่ดีคือพื้นฐานของชีวิตที่ดี"