คำถาม : ทำอย่างไรเมื่อติดอยู่กลางแจ้งตอนฝนตก ฟ้าคะนอง


คำถาม : ทำอย่างไรเมื่อติดอยู่กลางแจ้งตอนฝนตก ฟ้าคะนอง
ก่อนอื่นสรุปสั้น ๆ ก่อน: ถ้าคุณได้ยินฟ้าร้อง ให้คิดว่า ใกล้พอจะถูก รีบเข้าที่หลบภัยแข็งแรง (ตึกที่มีระบบไฟ/ประปา) หรือรถยนต์หลังคาโลหะที่ปิดหน้าต่างไว้ทันที และรออย่างน้อย 30 นาทีหลังเสียงฟ้าร้องครั้งสุดท้าย
1) พื้นฐานเชิงฟิสิกส์ ทำไมฟ้าผ่าถึงอันตราย
ฟ้าผ่าเป็นการไหลของประจุไฟฟ้าระหว่างเมฆกับพื้น (หรือเมฆกับเมฆ) กระแสไฟฟ้าช่วง return stroke มีพีกทั่วไปในระดับ หมื่นถึงแสนแอมแปร์ (~30 kA เป็นค่ากลางสำหรับการฟ้าผ่าที่ลงพื้น)และแรงดันสูงมาก (หลายล้านโวลต์) โดยช่องพลาสมาจะร้อนจัด (หลักหมื่นเคลวิน) ระยะเวลาสั้นมาก (มิลลิวินาที) พลังงานและกระแสนี้ทำให้เกิดความร้อน แรงระเบิด (shock wave) และกระแสที่ไหลผ่านเนื้อเยื่อ ช่องทางการบาดเจ็บหลัก 4 แบบ direct strike (โดนตรง), side splash/side flash (กระโดดจากวัตถุข้างเคียง), contact injury (ผ่านของที่ถูกฟ้าผ่า เช่นโลหะที่ถือ), ground/step current (กระแสวิ่งผ่านพื้นดินไปยังร่างกาย) โดยการบาดเจ็บจากกระแสที่ไหลผ่านพื้น (ground current) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด.
2) ถ้าคุณอยู่กลางแจ้ง ทำอะไรทันที (ข้อปฏิบัติ)
1. ได้ยินฟ้าร้อง = รีบหาที่หลบภัยทันที หากอยู่ใกล้ตึกแข็งแรง (มีผนัง หลังคา มีระบบไฟ/ประปา) ให้เข้าไป หรือ เข้ารถยนต์หลังคาโลหะ (ปิดหน้าต่าง) ถ้าเข้าตึกหรือรถได้ ให้รออย่างน้อย 30 นาที นับจากฟ้าร้องครั้งสุดท้ายก่อนออกมา.
2. หากไม่มีที่หลบ (สถานการณ์ฉุกเฉิน)
ลงจากที่สูง (อย่าอยู่บนยอดเขา สันเขา หรือหลังคา). ลงไปหาจุดต่ำ. แยกจากคนอื่น (ลดโอกาสบาดเจ็บหลายคนจาก ground current). อย่าเอนหรือนอนแผ่บนพื้น(จะเพิ่มพื้นที่สัมผัสพื้นและเพิ่ม step potential).
หลายหน่วยงานแนะนำการ ย่อตัว (squat/crouch) เท้าแนบกัน เป็นมาตรการสุดท้ายเพื่อลดการสัมผัสพื้น แต่ต้องระวัง: องค์การอากาศฯสหรัฐ (NWS) เคยยกเลิกการแนะนำท่านั่งคร่อม (crouch) เพราะมันไม่ได้ให้การปกป้องมากนัก สรุปคือ: วิ่งไปที่หลบภัยดีที่สุดแต่ถ้าไม่มีจริง ๆ ให้ลดความสูงของตัวและลดการสัมผัสพื้น (เท้าชิดกัน) เป็นทางเลือกสุดท้าย.
ห่างจากวัตถุที่นำไฟฟ้าได้ (รั้วลวดหนาม เสาไฟฟ้า ท่อโลหะ) และออกจากน้ำ/เรือทันที.
3) ข้อห้ามสำคัญ (ต้องจำ)
ห้ามอยู่ใต้ต้นไม้โดด ๆ(ต้นสูงเป็นเป้าหลัก) และห้ามอยู่ในที่กำบังเล็ก ๆ เช่นศาลาไม้/ซุ้มที่ไม่มีผนังแข็งแรง ไม่ปกป้องจากฟ้าผ่า.
ห้ามนอนราบบนพื้นและห้ามจับ/สัมผัสท่อประปาหรือปลั๊กไฟในบ้านขณะมีฟ้าผ่า
อย่าใช้โทรศัพท์สายมีสายขณะพายุ(มือถือ/ไร้สายใช้ได้ถ้าไม่ได้เสียบปลั๊ก)
4) ปฐมพยาบาลเมื่อมีคนถูกฟ้าผ่า ขั้นตอนทีละข้อ (สรุปขั้นปฏิบัติ)
หลักการสำคัญ: ผู้ถูกฟ้าผ่า ไม่คงประจุไฟฟ้าไว้บนร่างกาย จึง ปลอดภัย ที่จะสัมผัสและให้การช่วยเหลือ. เรียกช่วยเหลือทางการแพทย์ทันที
1. ประเมินความปลอดภัยของสถานที่ ถ้ายังมีอันตราย (ฟ้าผ่ายังใกล้) อย่าเสี่ยงเข้าหาเหยื่อจนกว่าจะปลอดภัย หรือเคลื่อนย้ายก็ต่อเมื่อจำเป็นเพื่อความปลอดภัยหรือเพื่อ CPR.
2. โทรเรียกฉุกเฉิน ในไทย เบอร์ฉุกเฉินหลักที่ใช้ได้คือ 1669 (รถพยาบาล/การแพทย์ฉุกเฉิน) และ 191 (ฉุกเฉินทั่วไป) ในกรุงเทพมีหมายเลขบริการ 1646 ด้วยในบางระบบ. แจ้งที่ตั้งให้ชัดเจน.
3. ตรวจดูการตอบสนอง / การหายใจ / ชีพจร
ถ้าไม่หายใจหรือไม่มีชีพจร: เริ่ม CPR ทันที (ทำการกดหน้าอก 30:2 หรือ ตามแนวทางท้องถิ่น) และใช้ AEDถ้ามี. การช่วยฟื้นคืนชีพมีประสิทธิภาพสูงในผู้ถูกฟ้าผ่า.
ถ้าหายใจแต่ไม่รู้สึกตัว: ให้วางในท่าฟื้นฟู (recovery) หากไม่มีการสงสัยคอ/กระดูกสันหลังแตก; หากมีสงสัยให้อย่าหมุนคอ/ลำตัวโดยไม่จำเป็น.
4. ควบคุมแผลและดูแลเบื้องต้น: ปฐมพยาบาลแผลไฟ/แผลถลอก ตามแนวทาง (คลุมแผล แยกสิ่งสกปรก หากมีบาดแผลใหญ่ควบคุมเลือดออก) อย่าใช้ครีมหรือวิธีที่ไม่เหมาะสมกับแผลหนัก ส่งโรงพยาบาล.
5. หากมีผู้ถูกหลายคน ทำ reverse triage: ผู้ที่ อยู่ในภาวะหัวใจหยุด ควรถูกให้ความช่วยเหลือก่อน เพราะผู้รอดที่ได้รับการช่วยเหลือทันทีมีโอกาสสูง. (ตรงกันข้ามกับเหตุการณ์กดทับไฟไหม้ทั่วไป).
5) การประเมินทางการแพทย์หลังเหตุ (ต้องรู้สำหรับบุคลากร/นักศึกษาแพทย์)
ผู้ที่ถูกฟ้าผ่าอาจมีปัจจัยเสี่ยงซับซ้อน: arrhythmia, cardiac arrest, respiratory paralysis, intracranial hemorrhage, keraunoparalysis, rhabdomyolysis, blunt trauma, tympanic membrane rupture, ต้อกระจก/ตา/ประสาทการได้ยินเสียเป็นต้น เพราะฉะนั้นการคัดกรองและติดตามทางการแพทย์สำคัญ.
งานตรวจและการเฝ้าระวัง
ECG ควรพิจารณาอย่างน้อยในผู้ที่มีอาการหรือมีประวัติการสูญหายสติ/เจ็บหน้าอก; สำหรับกลุ่ม high-risk ควรเฝ้าตรวจหัวใจต่อเนื่อง (telemetry) ประมาณ 24 ชั่วโมง.
ตรวจเลือดบางรายการตามดุลยพินิจ (CK/การประเมิน rhabdo, ตับ/ไต ฯลฯ) หากสงสัยการบาดเจ็บกล้ามเนื้อหรือภาวะแทรกซ้อน.
หากตั้งครรภ์ 20 สัปดาห์ ให้พิจารณาการตรวจทารก/การติดตามเพราะความเสี่ยงต่อทารกสูงขึ้น
6) อาการที่ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันทีหลังโดนฟ้าผ่า
หยุดหายใจ/หัวใจหยุด, เจ็บหน้าอก, หายใจลำบาก, อาการทางระบบประสาทใหม่ (อ่อนแรง ชา สับสน ชัก), สูญเสียการมองเห็น/การได้ยิน, เลือดออกมาก หรือมีแผลไหม้ใหญ่ ทุกกรณีต้องส่งโรงพยาบาล.
7) เคล็ดลับ/เช็คลิสต์ที่จับต้องได้ (Pocket checklist)
ฟังเสียงฟ้าร้อง ถอยเข้าที่หลบภัยทันที (ตึกแข็ง/รถหลังคาโลหะ).
ถ้าไม่มีที่หลบ: ลงที่ต่ำ หลีกเลี่ยงต้นไม้เดี่ยว/สิ่งนำไฟฟ้า/น้ำ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้; ลดพื้นที่สัมผัสพื้น (เท้าชิดกัน) เป็นทางเลือกสุดท้าย.
ถ้าพบคนถูกฟ้าผ่า: ปลอดภัยที่จะสัมผัส โทรฉุกเฉิน ตรวจ ABC ถ้าไม่หายใจ/ไม่มีชีพจร เริ่ม CPR+AED ทันที. ([Red Cross][5])
รอ 30 นาทีหลังเสียงฟ้าร้องครั้งสุดท้ายก่อนออกจากที่หลบ.
8) ข้อเท็จจริงสถิติสั้น ๆ (เพื่อมุมมองภาพรวม)
ประมาณการณ์ทั่วโลกมีการเสียชีวิตจากฟ้าผ่าราว ~24,000 รายต่อปีและผู้บาดเจ็บมากกว่านั้นข้อมูลนี้มาจากการประเมินหลายแหล่งและหนังสือทางการแพทย์; ในสหรัฐฯ จำนวนตายต่อปีต่ำกว่าระดับโลก (ไม่กี่สิบรายต่อปี) เนื่องจากที่อยู่อาศัย/การแจ้งเตือน/การเข้าถึงที่หลบภัย.


