แชร์

การเก็บรักษาและการส่งตัวอย่างเลือด

5 ผู้เข้าชม
การเก็บรักษาและการขนส่งตัวอย่างไปยังห้องปฏิบัติการที่ถูกต้อง?


การเก็บรักษาและการขนส่งตัวอย่างเลือดไปยังห้องปฏิบัติการเป็นขั้นตอนที่สำคัญยิ่ง เพราะตัวอย่างที่ไม่ได้รับการจัดการที่ถูกต้องจะทำให้ผลการตรวจคลาดเคลื่อนได้ แม้ว่าการเจาะเลือดและตรวจวิเคราะห์จะทำอย่างถูกต้องก็ตาม
1. หลักการทั่วไปก่อนการขนส่ง
การจัดการหลังเจาะเลือด
ผสมสารกันเลือดแข็ง (Anticoagulant) ให้ดีทันที:
พลิกหลอดกลับไปมาอย่างเบาแรง 5-10 ครั้ง
ห้ามเขย่า เพราะจะทำให้ Hemolysis ได้
จัดเรียงหลอดตัวอย่างตามลำดับการเจาะ (ถ้ามีการเจาะหลายหลอด)
ตรวจสอบฉลากให้ครบถ้วน และถูกต้องอีกครั้งก่อนส่ง
2. การเก็บรักษาตามอุณหภูมิ
อุณหภูมิห้อง (Room Temperature, 15-30°C)
การตรวจที่ต้องใช้อุณหภูมิห้อง:
Chemistry ส่วนใหญ่ของ: Electrolytes, Liver function tests, Renal function tests
Serology: ANA, RF, ASO
Hematology CBC, ESR
Coagulation: PT, INR, aPTT
ข้อควรระวัง:
หลีกเลี่ยงอุณหภูมิสูงเกิน 30°C
ไม่วางหลอดตัวอย่างในที่ที่มีแสงแดดส่องตรง
การเก็บในตู้เย็น (2-8°C)
การตรวจที่ต้องแช่เย็น:
Gas Analysis: Blood Gas (ต้องส่งวิเคราะห์ภายใน 30 นาที)
Endocrinology: ACTH, Gastrin, Renin
Chemistry: Ammonia, Lactic acid
Coagulation Tests: Protein C, Protein S
ข้อควรระวัง:
ห้ามแช่แข็ง ตัวอย่างเลือดทั่วไป
ใช้กระติกน้ำแข็งที่อุณหภูมิควบคุมได้
การแช่แข็ง (-20°C หรือ -70°C)
การตรวจที่ต้องแช่แข็ง:
Hormones: Insulin, PTH
Serology: เก็บตัวอย่างสำหรับการวิจัย
Special Tests: เมื่อตัวอย่างจําเป็นต้องเก็บไว้เป็นเวลานาน
3. การเตรียมตัวอย่างก่อนส่ง(Centrifugation)
หลักการสำคัญ:
ระยะเวลาในการแรงเหวี่ยง: ตาม protocol ของห้องปฏิบัติการ (ปกติแล้ว 10-15 นาที)
ความเร็ว: 1,000-1,500 RCF (Relative Centrifugal Force)
อุณหภูมิขณะขนส่ง: ควบคุมตามประเภทการตรวจ
ประเภทตัวอย่างหลังขนส่ง:
Serum: จากหลอดเลือดสีแดงหรือสีทอง (ไม่มีสารกันเลือดแข็ง)
Plasma: จากหลอดเลือดสีม่วง, น้ำเงิน, เขียว (มีสารกันเลือดแข็ง)
การแยกส่วน (Aliquoting)
ใช้ pipette ที่สะอาดและเหมาะสม
หลีกเลี่ยงการปนเปื้อนระหว่างตัวอย่าง
ปิดฝาให้แน่นหลังแยกส่วน
4. ระยะเวลาที่อนุญาตก่อนการวิเคราะห์ (Stability)
Chemistry Tests
Electrolytes: ปกติ 4-8 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิห้อง
Liver Enzymes: ปกติ 2-3 วัน ที่ 2-8°C
Glucose: ต้องวิเคราะห์ภายใน 1 ชั่วโมง หรือใช้หลอดเลือดสีเทา (Glycolytic inhibitor)
Hematology Tests
CBC: ควรวิเคราะห์ภายใน 6-8 ชั่วโมง
ESR: ต้องวิเคราะห์ภายใน 4 ชั่วโมง
Coagulation Tests
PT/INR, aPTT: ควรวิเคราะห์ภายใน 4 ชั่วโมง
D-dimer: ควรวิเคราะห์ภายใน 4 ชั่วโมง
5. การขนส่งตัวอย่าง
หลักการทั่วไป
ส่งตัวอย่างไปยังห้องปฏิบัติการให้เร็วที่สุด
ใช้ภาชนะขนส่งที่เหมาะสม และกันการแตกหัก
ติดป้าย "ตัวอย่าง biologic" อย่างชัดเจน
ประเภทภาชนะขนส่ง
Primary Container:
หลอดเลือดเดิมที่มีฝาปิดแน่น
Tube ที่มี separator gel
Secondary Container:
กระติกน้ำแข็ง (Cooler Box)
กล่องโฟม (Styrofoam Box)
ภาชนะพลาสติกแข็ง
Absorbent Material:
กระดาษซับหรือวัสดุดูดซับ
วางระหว่างหลอดเลือดเพื่อรองรับหากแตกหัก
การควบคุมอุณหภูมิขณะขนส่ง
การขนส่งที่อุณหภูมิปกติ:
ใช้กล่องธรรมดา
ระยะทางใกล้ และอากาศไม่ร้อน
การขนส่งในตู้เย็น(2-8°C):
ใช้กระติกน้ำแข็ง + Ice Pack
ตรวจสอบอุณหภูมิก่อนขนส่ง
การขนส่งแช่แข็ง:
ใช้ Dry Ice
ต้องระวังการสัมผัสโดยตรง
6. เอกสารประกอบการส่ง
ใบส่งตัวอย่าง (Requisition Form)
ข้อมูลผู้ป่วยครบถ้วน
วันที่และเวลาที่เก็บตัวอย่าง
ประเภทการตรวจที่ต้องการ
ข้อมูลผู้สั่งตรวจ
หมายเหตุพิเศษ (ถ้ามี)
ใบควบคุมคุณภาพ
ใบตรวจสอบอุณหภูมิ (Temperature Log)
ใบติดตามตัวอย่าง (Tracking Form)
7. ข้อควรระวังพิเศษ
ตัวอย่างที่มีความเสี่ยงสูง
ตัวอย่างจากผู้ป่วยติดเชื้อ: ติดป้าย "ข้อควรระวัง" (Precaution Label)
ตัวอย่างมีค่ามาก: แจ้งห้องปฏิบัติการล่วงหน้า
ตัวอย่างสำหรับการวิจัย: ต้องมีเอกสาร consent
ปัญหาที่พบบ่อยและวิธีการแก้ไข
Hemolyzed Sample: เก็บตัวอย่างใหม่
Clotted Sample: ในหลอดเลือดที่มีสารกันเลือดแข็ง เก็บตัวอย่างใหม่
ปริมาณไม่พอ: แจ้งห้องปฏิบัติการและแพทย์ผู้สั่งตรวจ
ฉลากหลุด: ต้องระงับการตรวจและเก็บตัวอย่างใหม่
8. การจัดการเมื่อถึงห้องปฏิบัติการ
รับตัวอย่างและตรวจสอบความถูกต้อง
ลงทะเบียนในระบบ (Registration)
ตรวจสอบคุณภาพตัวอย่าง (Sample Quality Check)
แจ้งผลการตรวจสอบคุณภาพตัวอย่าง (Accept/Reject)
การจัดการตัวอย่างเลือดอย่างถูกต้องตั้งแต่การเก็บรักษาจนถึงการขนส่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อความถูกต้องของผลการตรวจ laboratory ซึ่งส่งผลต่อการวินิจฉัยโรคและการรักษาผู้ป่วยในที่สุด
สิ่งที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ
การยืนยันตัวผู้ป่วย: เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ก่อนเจาะเลือดและก่อนติดฉลาก ต้องให้ผู้ป่วยบอก ชื่อ-นามสกุลและวันเดือนปีเกิด ด้วยตัวเอง และเปรียบเทียบกับข้อมือผู้ป่วยกับใบสั่งตรวจ ห้ามเรียกชื่อผู้ป่วยแล้วรอให้ตอบรับ
การปฏิเสธตัวอย่าง: ห้องปฏิบัติการจะปฏิเสธตรวจหากตัวอย่างมีปัญหาต่อไปนี้
ฉลากหลุด หรือข้อมูลบนฉลากไม่ตรงกับใบส่งตัวอย่าง
ตัวอย่างเลือดแตก หรือมีรอยรั่ว
ตัวอย่างเลือดแข็งตัว ในหลอดที่ใส่สารกันเลือดแข็ง
ปริมาณเลือดไม่เพียงพอ ต่อการตรวจ
ตัวอย่าง Hemolyzed มากเกินไป
หากคุณต้องการทราบรายละเอียดเฉพาะด้านใดเป็นพิเศษ เช่น ระยะเวลา Stability ที่แน่นอนสำหรับการตรวจแต่ละประเภท หรือขั้นตอนการจัดการตัวอย่างในห้องปฏิบัติการ

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy