แชร์

การใช้ Ambu bag (BVM) ในการกู้ชีพ?

26 ผู้เข้าชม

 

ช่วยหายใจแบบ Ambu bag (BVM) ในการกู้ชีพ?
การช่วยหายใจด้วย Bag-Valve-Mask (BVM) Ventilation ในผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น มีหลักการและรายละเอียดทางเทคนิคที่สำคัญซึ่งลึกซึ้งกว่าการเป่าปากโดยตรง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์และแรงดันทางเดินหายใจโดยตรง
1. หลักการพื้นฐานและเป้าหมายเดียวกัน
เป้าหมายสูงสุดยังคงเหมือนเดิม คือ "ให้อากาศปริมาณพอที่จะเห็นหน้าอกยกขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการให้ลมมากหรือน้อยเกินไป" เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการเติมออกซิเจนและไม่รบกวนการไหลเวียนเลือดที่เกิดจากการนวดหัวใจ
2. เทคนิคและการปฏิบัติที่ถูกต้อง (The "How-To")
การจะทำ BVM ให้ได้ประสิทธิภาพต้องอาศัย ทักษะและทีมงาน เนื่องจากเป็นเทคนิคที่ทำได้ยากมาก หากทำโดยคนเดียว
* ตำแหน่ง (Positioning):
* ยืนหรือคุกเข่าอยู่ ด้านหลังศีรษะผู้ป่วย (Top of the bed position)
* จัดท่าให้ศีรษะผู้ป่วยแหงนไปด้านหลังเล็กน้อย (Head-tilt chin-lift) หรือใช้การดึงขากรรไกร (Jaw thrust) หากสงสัยการบาดเจ็บที่คอ เพื่อเปิดทางเดินหายใจให้ตรงที่สุด
* การประกบ Mask ให้สนิท (Mask Seal):
* ใช้เทคนิค "E-C clamp technique":
* มือที่ถนัด (มักเป็นมือซ้ายสำหรับคนถนัดขวา) จับ mask ประกบลงบนหน้าผู้ป่วย โดยใช้ นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้รูปตัว "C" กด mask ให้แนบกับหน้า
* นิ้วที่เหลือ (นิ้วกลาง, นิ้วนาง, นิ้วก้อย)รูปตัว "E" ดึงขากรรไกรผู้ป่วยขึ้นไปหา mask เพื่อเปิดทางเดินหายใจและช่วยให้ mask แนบสนิท
* การประกบ mask ให้สนิทเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะการรั่วไหลของลมเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การช่วยหายใจล้มเหลว
* การบีบถุง (Squeezing the Bag):
* มืออีกข้างบีบถุงลม
* บีบอย่าง นุ่มนวลและต่อเนื่อง เป็นเวลาประมาณ 1 วินาที ในแต่ละครั้ง
* สังเกตการยกตัวของหน้าอก เป็นหลัก หากหน้าอกยกขึ้นช้าๆ แสดงว่าปริมาณลมและความเร็วพอดี
* ปล่อยถุงลมให้คืนตัวเต็มที่ก่อนบีบครั้งต่อไป เพื่อให้ผู้ป่วยหายใจออกอย่างเต็มที่
3. เหตุผลเชิงลึกทางการแพทย์และข้อควรระวังเฉพาะ
การใช้ BVM มีความซับซ้อนทางสรีรวิทยามากขึ้น เนื่องจากเราสามารถสร้างแรงดันในทางเดินหายใจได้โดยตรง
* ความเสี่ยงสูงต่อ Hyperventilation:
* การบีบถุงลมที่ เร็ว แรง หรือลึกเกินไป ทำได้ง่ายมากโดยไม่ตั้งใจ
* นอกจากการเพิ่มความดันในทรวงอกแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการ ทำให้กระเพาะอาหารโป่งพอง (Gastric Insufflation) ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยอาเจียนและสำลัก (Aspiration) ได้
* วิจัยใน Resuscitation (2023) พบว่า ผู้ปฏิบัติการกว่า 70% กด BVM ด้วยปริมาณลมเกิน 600 mL และความเร็วเกิน 15 ครั้ง/นาที เมื่อทำงานภายใต้ความกดดัน
* การรบกวนการนวดหัวใจ (CPR Interruption):
* การพยายามประกบ mask ให้สนิทโดยคนเดียวมักทำให้ต้องหยุดนวดหัวใจ
* คำแนะนำ: การใช้ BVM ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดควรทำโดยทีม 2 คน โดยคนแรกการประกบ mask และเปิดทางเดินหายใจด้วยสองมือ (Two-hand technique) ซึ่งให้การปิดที่สนิทกว่ามาก ส่วนคนที่สองการบีบถุงลม และคนที่สามการนวดหัวใจอย่างต่อเนื่อง
* การใช้ออกซิเจนเสริม (Oxygen Supplementation):
* BVM ควรต่อกับแหล่งออกซิเจน (Oxygen reservoir) ด้วยความเร็วไหล 10-15 ลิตร/นาที
* การทำเช่นนี้จะเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจน (FiO) ที่ให้ผู้ป่วยได้เป็น 100% ซึ่งสำคัญมากในการแก้ไขภาวะขาดออกซิเจนของอวัยวะสำคัญ
4. สรุปขั้นตอนปฏิบัติสำหรับ BVM Ventilation อย่างมีประสิทธิภาพ
1. จัดท่าผู้ป่วย Head-tilt chin-lift หรือ Jaw thrust.
2. เลือก mask ขนาดเหมาะสม ครอบจากสันจมูกถึงคาง.
3. ประกบ mask ด้วยเทคนิค E-C clamp ให้สนิท ไม่มีลมรั่ว.
4. บีบถุงลม นุ่มนวล เป็นเวลา 1 วินาที จนเห็นหน้าอกยกขึ้น.
5. ปล่อยถุง ให้หน้าอกยุบลงและลมหายใจออกหมด.
6. ทำซ้ำ ด้วยความเร็ว 1 ทุก 6 วินาที (10 ครั้ง/นาที) เมื่อมี advanced airway, หรือทำตามรอบ 30:2 (นวดหัวใจ 30  : ช่วยหายใจ 2 ) เมื่อทำคนเดียวหรือไม่มีท่อช่วยหายใจ.
7. ประเมินอย่างต่อเนื่อง ระหว่างนวดหัวใจ ให้สังเกตว่าหน้าอกยังยกขึ้นสม่ำเสมอหรือไม่.
สรุป: การช่วยหายใจด้วย BVM เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน เป้าหมายยังคงเป็นการ "ให้ลมพอดี" โดยใช้ "การยกตัวของหน้าอก" เป็นตัวชี้นำทางคลินิกที่สำคัญที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้การช่วยหายใจกลายเป็นตัวการที่ไปทำลายการไหลเวียนเลือดที่ดีซึ่งได้มาจากการนวดหัวใจ

Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy