แชร์

ทำไมบีบ ambu แล้วลมเข้าท้องบ่อยจัง?

7 ผู้เข้าชม
ทำไมบีบ ambu แล้วลมเข้าท้องบ่อยจัง?
สาเหตุหลักที่ทำให้มีลมเข้าไปในท้องขณะใช้ Ambu bag:
1. ความดันในทางเดินหายใจสูงเกินไป: เมื่อบีบลูกสูบยางแรงหรือเร็วเกินไป ความดันที่เกิดขึ้นจะสูงกว่าความดันที่หูรูดของหลอดอาหารส่วนบน (ซึ่งกั้นระหว่างหลอดอาหารและ trachea) สามารถทนได้ ลมจึงเล็ดลอดลงไปในกระเพาะอาหารแทนที่จะเข้าปอดทั้งหมด
2. การจัดท่าผู้ป่วยไม่เหมาะสม: หากศีรษะและคอของผู้ป่วยไม่อยู่ในท่าที่เหมาะสม (เช่น ไม่ได้ยันคางขึ้นและก้มศีรษะเล็กน้อย) ทางเดินหายใจอาจไม่เปิดโล่ง ทำให้ลมเข้าไปในกระเพาะอาหารได้ง่ายขึ้น
3. ใช้แรงหรือปริมาณลมมากเกินไป: การบีบลูกสูบยางอย่างรุนแรงในหนึ่งครั้ง แทนที่จะบีบอย่างนุ่มนวลและคงที่ ทำให้มีปริมาณลมเกินความจุของปอดในขณะนั้น และลมส่วนเกินจะเข้าไปในกระเพาะอาหาร
4. ไม่ได้ใช้ท่อช่วยหายใจ (Endotracheal Tube): ในผู้ป่วยที่ไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ ลมมีโอกาสที่จะเข้าไปในทั้งปอดและกระเพาะอาหารได้มากกว่า เนื่องจากไม่มี cuff มาปิดกั้น
ผลกระทบจากการมีลมในท้อง:
· ท้องอืด: ทำให้ท้องโป่ง ซึ่งอาจกดดันกระบังลมและปอด ทำให้หายใจได้ลำบากขึ้น
· เพิ่มความเสี่ยงในการอาเจียนและสำลัก: อาหารหรือกรดในกระเพาะอาจถูกดันขึ้นมาและสำลักเข้าไปในปอด ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรง
วิธีการป้องกัน:
· จัดท่าผู้ป่วยให้เหมาะสม: วางศีรษะในท่า sniffing position (ยันคางขึ้นและก้มศีรษะเล็กน้อย) เพื่อเปิดทางเดินหายใจให้ตรงที่สุด
· บีบลูกสูบยางอย่างถูกวิธี:
· บีบอย่างนุ่มนวล ค่อยเป็นค่อยไป
· ใช้เวลาในการบีบประมาณ 1 วินาที
· บีบเพียงพอที่หน้าอกจะยกขึ้นเท่านั้น ไม่ต้องบีบแรงจนเกินไป
· ปล่อยมือให้ลูกสูบยางคืนตัวเต็มที่ระหว่างการบีบแต่ละครั้ง
· ใช้ความจุของลูกสูบยางให้เหมาะสม: สำหรับผู้ใหญ่ ให้บีบประมาณ 2/3 ของความจุลูกสูบยาง หรือประมาณ 400-600 มล.
· พิจารณาใช้ท่อช่วยหายใจ: หากจำเป็นต้องช่วยหายใจต่อเนื่อง การใส่ท่อช่วยหายใจจะช่วยป้องกันไม่ให้ลมเข้าไปในกระเพาะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
· ใส่ท่อระบายกระเพาะอาหาร (NG Tube): ในกรณีที่ต้องช่วยหายใจนานๆ และมีลมในท้องมาก อาจจำเป็นต้องใส่ท่อผ่านจมูกลงไปในกระเพาะอาหารเพื่อระบายลมและของเหลวออก
ข้อควรจำ: การช่วยหายใจด้วย Ambu bag เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน หากเป็นไปได้ ควรได้รับการฝึกอย่างถูกต้องจากบุคลากรทางการแพทย์
เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและชีวิตของผู้ป่วย หากคุณต้องทำการช่วยหายใจให้ผู้ป่วยจริงๆ ควรทำโดยผู้ที่มีความรู้และฝึกฝนมาแล้วเท่านั้น และควรเร่งรัดให้ผู้ป่วยได้รับความช่วยเหลือจากบุคลากรทางการแพทย์โดยเร็วที่สุด
แน่นอนครับ นี่คือคำอธิบายเชิงลึกทางการแพทย์เกี่ยวกับสาเหตุที่การช่วยหายใจด้วย Ambu bag ทำให้มีลมเข้าไปในท้องบ่อยครั้ง
กลไกทางกายวิภาคและสรีรวิทยา
1. ทางเดินหายใจและทางเดินอาหารแบ่งปันช่องทางเริ่มต้นเดียวกัน
· ทางเดินหายใจ (Trachea) และทางเดินอาหาร (Esophagus) มีจุดเริ่มต้นร่วมกันที่คอหอย (Pharynx)
· หน้าที่ของทั้งสองระบบถูกควบคุมโดยรีเฟล็กซ์ที่ซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกลืน (Swallowing) และ การหายใจ (Breathing) ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นพร้อมกัน
2. กลไกการป้องกันตามธรรมชาติ (Protective Reflexes)
· ในสภาวะปกติ เมื่อเราหายใจเข้า เอพิกลอตติส (Epiglottis) จะเปิดช่อง trachea และกล่องเสียง (Larynx) จะยกตัวขึ้น ในขณะที่หูรูดของหลอดอาหารส่วนบน (Upper Esophageal Sphincter - UES) จะปิดแน่น เพื่อนำอากาศเข้าสู่ trachea เท่านั้น
· เมื่อเรากลืน UES จะคลายตัวเพื่อให้อาหารผ่านลง esophagus ในขณะที่กล่องเสียงจะปิดสนิทเพื่อป้องกันการสำลัก
3. สิ่งที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่หมดสติหรือไม่ตอบสนอง
· รีเฟล็กซ์การป้องกันทางเดินหายใจสูญเสียไป: ในผู้ป่วยที่หมดสติ (เช่น จากการบาดเจ็บ, โรคระบบประสาท, หรือหัวใจหยุดเต้น) รีเฟล็กซ์เหล่านี้จะถูกกดหรือหายไป โดยเฉพาะรีเฟล็กซ์การปิดกล่องเสียง (Laryngeal reflex)
· ความดันเปิด (Opening Pressure): หูรูดของหลอดอาหารส่วนบน (UES) และหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่าง (Lower Esophageal Sphincter - LES) มี "ความดันเปิด" ที่แน่นอน ซึ่งเป็นค่าความดันที่ลมหรือของเหลวจะสามารถแทรกผ่านหูรูดเหล่านี้เข้าไปได้
สาเหตุเชิงลึกทางการแพทย์
1. ความดันในทางเดินหายใจสูงเกินกว่าความดันเปิดของ UES (Excessive Peak Inspiratory Pressure)
· นี่คือสาเหตุหลักที่สุด
· ค่าความดันเปิดของ UES: โดยปกติ UES มีความดันเปิดอยู่ที่ประมาณ 20-30 cmHO (เซนติเมตรน้ำ)
· การบีบ Ambu bag ที่ไม่เหมาะสม: หากผู้ช่วยหายใจบีบลูกสูบยางแรงเกินไป (โดยเฉพาะแบบเร็วและรุนแรง) หรือบีบเต็มความจุของลูกสูบยาง (ซึ่งสามารถสร้างความดันได้มากกว่า 60 cmHO ได้ง่ายๆ) ความดันที่เกิดขึ้นในทางเดินหายใจจะ เกินความดันเปิดของ UES
· ผลที่ตามมา: เมื่อความดันในคอหอยสูงเกิน 20-30 cmHO ลมจะ "ผลัก" ผ่าน UES ที่คลายตัวจากภาวะหมดสติ ลงไปใน esophagus และกระเพาะอาหาร แทนที่จะเข้าสู่ trachea ทั้งหมด เปรียบเสมือนการเป่าลมเข้าไปในลูกโป่งสองลูก (ปอดและกระเพาะอาหาร) โดยลมจะไหลไปทางที่ต้านทานน้อยกว่าก่อน
2. ทางเดินหายใจอุดกั้น (Airway Obstruction)
· หากทางเดินหายใจของผู้ป่วยไม่โล่ง (จากลิ้นตกในผู้ป่วยหมดสติ, มีเสมหะ, หรือการจัดท่าไม่ดี) ความต้านทานในทางเดินหายใจจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
· ตามกฎของฟิสิกส์ (Pressure = Flow x Resistance) การพยายามบีบลมผ่านทางเดินหายใจที่ตีบแคบ จะทำให้เกิด ความดันสูงมาก ในคอหอยโดยทันที
· ความดันสูงนี้จะทำให้ลมเกิน (air stacking) และหาทางออกที่ง่ายที่สุด ซึ่งก็คือการผ่าน UES ลงสู่กระเพาะอาหาร
3. การไม่มี Cuff เพื่อปิดกั้น (ในผู้ป่วยที่ไม่ได้ใส่ Endotracheal Tube)
· ท่อช่วยหายใจ (Endotracheal Tube - ETT) มีส่วนปลายที่เรียกว่า Cuff เมื่อพองลมแล้ว Cuff จะไปอยู่ระหว่าง trachea และ esophagus โดยทำหน้าที่ปิดกั้นช่องว่างนี้อย่างสมบูรณ์
· ในผู้ป่วยที่ไม่ได้ใส่ท่อ: ไม่มีสิ่งกีดขวางทางกายภาพระหว่าง trachea และ esophagus เลย ลมที่ความดันสูงจึงสามารถ "ย้อน" ขึ้นมาจาก trachea ผ่านเข้าไปใน esophagus ได้ง่าย (แม้จะจัดท่าได้ดีแล้วก็ตาม)
4. เวลาในการบีบ (Insufficient Inspiratory Time)
· การบีบลูกสูบยางที่เร็วและสั้นเกินไป (เช่น น้อยกว่า 1 วินาที) จะสร้าง Flow rate ที่สูงมาก ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับการสร้างความดันสูงกะทันหัน (Pressure spike) ในระบบ ซึ่งง่ายต่อการเกินความดันเปิดของ UES
· การบีบที่นุ่มนวลและใช้เวลานานพอ (ประมาณ 1-2 วินาที) จะให้ Flow rate ที่ต่ำลง และช่วยกระจายความดันได้ดีขึ้น ทำให้ลมมีเวลาไหลเข้าสู่ปอดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผลกระทบทางสรีรวิทยาที่รุนแรง (Pathophysiological Consequences)
การที่มีลมในท้องมากเกินไป (Gastric Insufflation) ไม่ได้แค่ทำให้ "ท้องโป่ง" แต่ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ดังนี้
1. เพิ่มความดันในช่องท้อง (Increased Intra-abdominal Pressure):
· กดดันกระบังลม (Diaphragm) ให้ยกตัวสูงขึ้น
· ลดปริมาตรปอด (Decreased Lung Compliance): ปอดขยายตัวได้ยากขึ้น ทำให้การบีบ Ambu ครั้งต่อไปต้องใช้แรงมากขึ้นเพื่อให้หน้าอกยก ซึ่งยิ่งสร้างปัญหา "ความดันสูง" วนเวียนอยู่
2. เพิ่มความเสี่ยงการสำลัก (Aspiration) อย่างรุนแรง:
· ลมในกระเพาะอาหารจะเพิ่มความดันภายในกระเพาะ (Intragastric pressure)
· เมื่อความดันในกระเพาะสูงเกินความดันเปิดของหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่าง (LES) ซึ่งปกติอยู่ที่ ~10-15 cmHO จะทำให้เกิด ภาวะกรดไหลย้อน (Regurgitation) ได้
· ของเหลวหรืออาหารในกระเพาะจะถูกดันขึ้นมาที่คอหอย และเนื่องจากผู้ป่วยไม่มีรีเฟล็กซ์การป้องกัน ของเหล่านี้จะสำลักเข้าสู่ปอด (Aspiration Pneumonitis) ทำให้เกิดการอักเสบ ปอดบวมจากสารเคมี และการติดเชื้อตามมา ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายมาก
3. ลดประสิทธิภาพของการช่วยหายใจและ CPR:
· การกดหน้าอก (Chest Compression) ในขณะทำ CPR จะได้ประสิทธิภาพลดลง เพราะพลังงานส่วนหนึ่งถูกใช้ไปกับการกดท้องที่เต็มไปด้วยลม แทนที่จะส่งแรงไปที่หัวใจและปอดโดยตรง
· ปริมาณลมที่เข้าปอดจริงๆ น้อยลง เพราะลมส่วนหนึ่งไปอยู่ในท้องแทน
กลยุทธ์การป้องกันเชิงลึก (Advanced Prevention Strategies)
1. ใช้ความจุปอดเป็นตัวกำหนด (Lung-Protective Ventilation):
· เป้าหมาย: ทำให้หน้าอกยกขึ้นพอประมาณในแต่ละครั้ง ไม่ใช่ การบีบลูกสูบยางให้เต็มที่
· เทคนิค: ใช้สองมือจับ Ambu bag แต่ใช้นิ้วมือเดียวในการบีบ (เช่น ใช้มือข้างหนึ่งจับ mask ให้แนบสนิท ส่วนอีกข้างใช้แค่นิ้วโป้งกับนิ้วชี้บีบลูกสูบ) เพื่อควบคุมแรงและปริมาณลม
2. เปิดทางเดินหายใจให้ได้มาตรฐานทองคำ (Optimal Airway Positioning):
· Head-Tilt Chin-Lift หรือ Jaw-Thrust Maneuver ต้องทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้แกนของทางเดินหายใจตรงที่สุดและลดความต้านทาน
3. ใช้เครื่องมือช่วยทางเดินหายใจขั้นสูง (Advanced Airway Adjuncts):
· ท่อช่วยหายใจ (ETT): เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหานี้โดยสิ้นเชิง
· Supraglottic Airway (เช่น LMA - Laryngeal Mask Airway): อุปกรณ์นี้จะครอบบริเวณปากกล่องเสียง และมีช่องระบายลมสำหรับ esophagus โดยเฉพาะ ซึ่งช่วยลดโอกาสที่ลมจะเข้าไปในกระเพาะอาหารได้มาก
4. การใส่ท่อระบายกระเพาะอาหาร (Decompression):
· ในสถานการณ์ที่จำเป็น (เช่น ช่วยหายใจต่อเนื่อง, ท้องอืดมาก) การใส่ ท่อผ่านจมูกลงกระเพาะอาหาร (Nasogastric Tube - NG Tube) หรือ ท่อผ่านปากลงกระเพาะอาหาร (Orogastric Tube - OG Tube) เพื่อดูดลมและของเหลวในกระเพาะออก จะช่วยลดความดันในช่องท้องและลดความเสี่ยงในการสำลักได้อย่างมีนัยสำคัญ
สรุปแล้ว ปัญหานี้มีรากฐานจาก ฟิสิกส์ของความดันและความต้านทาน ที่ขัดกับ สรีรวิทยาของร่างกายที่เสียไปจากภาวะหมดสติ การเข้าใจกลไกเหล่านี้อย่างลึกซึ้งจะนำไปสู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยมากยิ่งขึ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy