แชร์

คำถาม : การปลดล็อคด้วยลายนิ้วมือโทรศัพท์ ของผู้เสียชีวิตได้ไหม ?

 

คำถาม : การปลดล็อคด้วยลายนิ้วมือโทรศัพท์ ผู้เสียชีวิตได้ไหม?
การปลดล็อคโทรศัพท์ด้วยลายนิ้วมือ (Fingerprint Unlocking) ใช้หลักการทางชีวภาพและเทคโนโลยีการจดจำรูปแบบ (Biometric Authentication) ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางสรีรวิทยาและประสาทสัมผัสของมนุษย์ โดยสามารถอธิบายเชิงลึกทางการแพทย์ได้ดังนี้

1. กายวิภาคของลายนิ้วมือ
ลายนิ้วมือประกอบด้วย สันผิวหนัง (epidermal ridges) และ ร่องผิวหนัง (furrows) ซึ่งก่อตัวขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 10-24 ของการตั้งครรภ์ โดยมีลักษณะเฉพาะตัว (Unique Pattern) ที่ไม่ซ้ำกันแม้ในคู่แฝดเหมือน ลายนิ้วมือถูกควบคุมโดยพันธุกรรมและปัจจัยแวดล้อมในครรภ์ เช่น การไหลเวียนของน้ำคร่ำ

2. ระบบประสาทสัมผัสที่เกี่ยวข้อง
- Meissner's corpuscles ตัวรับความรู้สึกบริเวณผิวหนังส่วนบน (dermal papillae) ทำหน้าที่ตรวจจับการสัมผัสเบาๆ และการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิว
- Merkel cells* ตรวจจับแรงกดและรายละเอียดของวัตถุที่สัมผัส
- Pacinian corpuscles รับรู้การสั่นสะเทือนและแรงกดลึก

เมื่อนิ้วสัมผัสเซ็นเซอร์ ตัวรับเหล่านี้จะส่งสัญญาณผ่าน เส้นประสาทส่วนปลาย (peripheral nerves) ไปยัง ไขสันหลัง และสุดท้ายถึง สมองส่วน Somatosensory Cortex (บริเวณ Postcentral gyrus) เพื่อประมวลผล

3. การทำงานของเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ
เซ็นเซอร์ในโทรศัพท์ใช้หลักการ
- Capacitive Sensing วัดการเปลี่ยนแปลงความจุไฟฟ้าจากสันและร่องลายนิ้วมือ (สันสัมผัสแผ่นเซ็นเซอร์โดยตรง ส่วนร่องมีช่องว่างอากาศ)
- Optical/Ultrasound Scanning สร้างภาพ 2D/3D ของลายนิ้วมือ

ข้อมูลจะถูกแปลงเป็น ดิจิทัลเทมเพลต (Digital Template) และเปรียบเทียบกับข้อมูลที่บันทึกไว้

4. ความเชื่อมโยงกับระบบประสาทอัตโนมัติ
การสัมผัสเซ็นเซอร์อาจกระตุ้น ระบบประสาท Sympathetic ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยใน:
- ความชื้นผิวหนัง (จากต่อมเหงื่อ Eccrine glands)
- อุณหภูมิผิว

ซึ่งอาจส่งผลต่อความแม่นยำของการสแกนในบางเทคโนโลยี

5. ข้อจำกัดทางสรีรวิทยา
- ผิวหนังชั้นนอก (Stratum corneum) ที่หนาขึ้นจากงานหนักหรืออายุอาจลดความชัดเจนของลายนิ้วมือ
- แผลเป็นหรือการบาดเจ็บ ที่ทำลาย Basement Membrane ของผิวหนังอาจเปลี่ยนลายนิ้วมือถาวร
- ภาวะบางโรค เช่น Scleroderma หรือ Epidermolysis Bullosa ที่ทำให้ลายนิ้วมือผิดปกติ

6. ความปลอดภัยทางการแพทย์
- ไม่มีการปล่อยรังสี ที่กระทบต่อเนื้อเยื่อ (ต่างจาก Facial Recognition ที่ใช้ Infrared)
- ความเสี่ยงต่ำต่อการติดเชื้อ หากเซ็นเซอร์สะอาด (เทียบกับการใช้ร่วมกันในระบบสแกนลายนิ้วมือสาธารณะ)

7. การประยุกต์ใช้ทางการแพทย์ในอนาคต
บางการศึกษาพบว่า ลายนิ้วมืออาจสัมพันธ์กับ ความเสี่ยงโรคบางชนิด (เช่น โรคหัวใจจากรูปแบบลายนิ้วมือผิดปกติ) จึงอาจมีการใช้เซ็นเซอร์เหล่านี้เพื่อคัดกรองสุขภาพเบื้องต้นในอนาคต

เทคโนโลยีนี้จึงเป็นการผสมผสานระหว่าง กายวิภาคศาสตร์ผิวหนัง, ประสาทสัมผัส, และวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อย่างน่าสนใจ!

การใช้นิ้วมือของผู้เสียชีวิตเพื่อปลดล็อคโทรศัพท์อาจทำได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ ปัจจัยทางสรีรวิทยาหลังความตายและประเภทของเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ โดยสามารถอธิบายเชิงลึกได้ดังนี้

1. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จ
ก. ระยะเวลาหลังเสียชีวิต (Postmortem Interval)
- 24 ชั่วโมงแรก ลายนิ้วมืออาจยังใช้ได้ เพราะผิวหนังยังคงสภาพใกล้เคียงกับมีชีวิต (หากนิ้วไม่บาดเจ็บ) เนื่องจาก
- ความยืดหยุ่นของผิวหนัง ยังคงอยู่ชั่วคราวจากโปรตีนคอลลาเจนและอีลาสติน
- ความชื้นในผิวหนัง จากของเหลวภายในเซลล์ยังไม่ระเหยหมด
- เกิน 2448 ชั่วโมง การแข็งตัวของศพ (Rigor Mortis) และการสลายตัว (Decomposition) ทำให้ลายนิ้วมือเปลี่ยนไป:
- ผิวหนังเหี่ยว จากภาวะขาดน้ำ (Desiccation)
- การสลายของเซลล์ผิว ทำให้สันลายนิ้วมือยุบตัว

ข. ประเภทของเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ
- Capacitive Sensor (พบในโทรศัพท์ส่วนใหญ่)
- ทำงานโดยวัด ประจุไฟฟ้า จากผิวหนังที่มีชีวิต (มีความชื้นและอิเล็กโทรไลต์)
- หลังเสียชีวิต หากผิวแห้งหรือไม่มีเลือดมาเลี้ยง เซ็นเซอร์อาจไม่ตรวจจับได้ เพราะขาดกระแสไฟฟ้า (แม้ลายนิ้วมือจะชัด)
- Optical/Ultrasound Sensor
- สแกนภาพลายนิ้วมือโดยไม่พึ่งประจุไฟฟ้า
- มีโอกาสสำเร็จสูงกว่า หากลายนิ้วมือยังคงสภาพทางกายภาพ

2. เทคนิคที่อาจใช้ได้ผล
- การเพิ่มความชื้นให้นิ้ว ใช้น้ำเกลือหรือสารให้ความชื้นเพื่อเลียนแบบสภาพผิวมีชีวิต (สำหรับ Capacitive Sensor)
- การใช้ผิวหนังชั้น Epidermis ที่ลอกออก ในบางกรณีอาจนำมาสวมบนนิ้วคนเป็นเพื่อปลดล็อค (แต่ต้องทำอย่างระมัดระวัง)
- การรักษาอุณหภูมิศพ ชะลอการสลายตัวเพื่อรักษาลายนิ้วมือ

3. ข้อจำกัดทางนิติวิทยาศาสตร์
- การเปลี่ยนแปลงหลังความตาย เช่น Livor Mortis (เลือดคั่ง) หรือ Algor Mortis (อุณหภูมิร่างกายลดลง) อาจทำให้ลายนิ้วมือผิดรูป
- กฎหมาย การเข้าถึงข้อมูลผู้เสียชีวิตโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจผิดกฎหมาย แม้จะเป็นญาติก็ตาม

4. กรณีศึกษาที่เกี่ยวข้อง
- ปี 2016 ตำรวจสหรัฐใช้ลายนิ้วมือผู้เสียชีวิตเพื่อปลดล็อค iPhone ในคดีฆาตกรรม (ด้วย Capacitive Sensor ไม่สำเร็จ จนต้องใช้ Optical Sensor แทน)
- ปี 2019 มีรายงานการใช้ซิลิโคนพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ตายเพื่อปลดล็อคอุปกรณ์

สรุป
- เป็นไปได้ ในช่วงแรกหลังเสียชีวิต (โดยเฉพาะกับ Optical/Ultrasound Sensor) แต่มีโอกาสล้มเหลวจากปัจจัยทางชีวภาพ
- Capacitive Sensor มักไม่ทำงานกับศพเนื่องจากขาดคุณสมบัติทางไฟฟ้า
- ทางเลือกที่ดีกว่าคือ การขอรหัสผ่านจากผู้ให้บริการโทรศัพท์** ด้วยเอกสารยืนยันความตาย

หากเป็นกรณีจำเป็นทางกฎหมาย แนะนำให้ปรึกษานิติแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลฟอเรนซิกส์เพื่อวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมาย!


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy