แชร์

คำถาม : มีโรคประจำตัวเป็นโรคไทรอยด์และพักผ่อนไม่เพียงพอ จะเกิดผลกระทบอย่างไรกับร่างกายบ้าง ถึงขั้นช๊อคหมดสติเสียชีวิตได้ไหม 

70 ผู้เข้าชม

 

 

คำถาม : มีโรคประจำตัวเป็นโรคไทรอยด์และพักผ่อนไม่เพียงพอ จะเกิดผลกระทบอย่างไรกับร่างกายบ้าง ถึงขั้นช๊อคหมดสติเสียชีวิตได้ไหม 

ทำไมไทรอยด์จึงมีผลต่อการวิ่ง
ฮอร์โมนไทรอยด์ (T3/T4) เพิ่มการแสดงออกของตัวรับเบต้า-อะดรีเนอร์จิกในหัวใจ ทำให้หัวใจตอบสนองต่ออะดรีนาลีนได้มากขึ้น ส่งผลให้ อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่ม ความต้านการไหลเวียนลด และการใช้พลังงาน/ออกซิเจนของหัวใจสูงขึ้น ดังนั้นในภาวะฮอร์โมนสูง (hyperthyroidism) หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเมื่อออกแรง. ([NCBI][1])
ในภาวะไทรอยด์ต่ำ (hypothyroidism) จะมีการทำงานของหัวใจที่ช้าลง การหดตัวลด การไหลเวียนลด และกล้ามเนื้ออาจอ่อนแรง ทำให้ทนต่อการออกกำลังกายน้อยลงและมีโอกาสเกิดปัญหากล้ามเนื้อ/CK สูงได้ในบางราย. ([Methodist DeBakey Cardiovascular J][2])

ผลกระทบตามชนิดของภาวะไทรอยด์
1. Hyperthyroidism (ฮอร์โมนสูง ยังไม่ได้ควบคุมดี)
อาการที่เพิ่มความเสี่ยงขณะวิ่ง: หัวใจเต้นเร็ว (resting HR มัก >100 bpm), ใจสั่น (palpitation), เหนื่อยง่าย เวียนศีรษะ, อ่อนแรง, เหงื่อมาก ความร้อนผิดปกติ. ([AHA Journals][3])
ภาวะที่อาจเกิดขึ้นได้ (แม้ไม่บ่อย แต่มีความรุนแรง):
Atrial fibrillation (AF) หัวใจเต้นผิดจังหวะที่เพิ่มความเสี่ยงลิ่มเลือด/อัมพาตได้. ([PubMed Central][4])
Thyroid storm (thyrotoxic crisis) ภาวะเฉียบพลันรุนแรงจากฮอร์โมนไทรอยด์สูงมาก มีความเสี่ยงต่อการช็อกและเสียชีวิต (mortality สูงกว่าปกติถ้าไม่ได้รักษาเร็ว). ปัจจัยกระตุ้นได้แก่ การติดเชื้อ ผ่าตัด ภาวะความเครียดรุนแรง อาจเกิดขึ้นได้แต่พบไม่บ่อย. ([NCBI][5])
Thyrotoxic periodic paralysis (TPP) เกิดได้โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นไฮเปอร์ไทรอยด์ (พบบ่อยกว่าในผู้ชายเชื้อชาติเอเชีย) และอาจถูกกระตุ้นโดยการออกกำลังกายหนัก/มื้ออาหารคาร์โบไฮเดรตสูง ส่งผลอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาตชั่วคราว (บางครั้งอาจกระทบการหายใจได้). ([PubMed Central][6])

2. Hypothyroidism (ฮอร์โมนต่ำ ยังไม่ได้ควบคุมดี)
อาการทั่วไปคือ เหนื่อยง่าย กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดกล้ามเนื้อ และในการออกแรงหนักบางรายอาจมี ภาวะกล้ามเนื้อถูกทำลาย (rhabdomyolysis)ซึ่งอาจนำไปสู่ไตวายได้ แม้เป็นเหตุการณ์หายาก แต่มีรายงานเมื่อมีการออกแรงอย่างรุนแรงหรือมีปัจจัยร่วม (ยา สถานการณ์อื่น ๆ). ([NCBI][7])

ผลจากการพักผ่อนไม่เพียงพอและการชนกันของปัจจัย (interaction)
การอดนอนเฉียบพลัน/เรื้อรังทำให้สมดุลระบบประสาทอัตโนมัติผิดปกติ (vagal/sympathetic imbalance), ระดับฮอร์โมนความเครียด (เช่น cortisol) เพิ่มขึ้น, การอักเสบระดับเซลล์สูงขึ้น และความอ่อนเพลียรวมทั้งเวลาถึงหมดแรงสั้นลง สิ่งเหล่านี้รวมกับภาวะไทรอยด์ที่ผิดปกติสามารถทำให้ อาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ เหนื่อยเร็ว หมดสติขณะออกแรงมีความน่าจะเป็นสูงขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ที่พักผ่อนเพียงพอ. ([MDPI][8])

จะถึงขั้นช็อก/หมดสติ/เสียชีวิตไหม?
คำตอบสั้น ๆ: อาจเป็นไปได้ในบางสถานการณ์ แต่โดยรวมเป็นเหตุการณ์ค่อนข้างหายากสำหรับผู้ที่ไทรอยด์ควบคุมได้ดีและไม่มีโรคหัวใจร่วม การวิ่ง 10 กม. มักปลอดภัย. แต่ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหากมีข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้: ฮอร์โมนไทรอยด์ยังไม่ควบคุม (โดยเฉพาะ hyperthyroid), มีอาการหัวใจ (เจ็บหน้าอก ใจสั่น เป็นลมในอดีต), มีประวัติโรคหัวใจหรือหลอดเลือด หรือพักผ่อนน้อยมาก/ขาดน้ำ/วิ่งในอากาศร้อนชื้น. ในผู้ที่มีภาวะหัวใจแฝงหรือไทรอยด์รุนแรง รายงานการเกิดการหยุดหัวใจฉับพลันขณะกิจกรรมวิ่งมีจริงแม้เป็นเหตุการณ์ที่หาได้ยาก ดังนั้นต้องให้ความระมัดระวัง. ([PubMed Central][9])

สัญญาณเตือนที่ต้องหยุดวิ่งทันทีและขอความช่วยเหลือ
เจ็บแน่นหน้าอกหรือรู้สึกเหมือนจะเป็นหัวใจวาย
หายใจลำบากมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
วิงเวียน รอบหมุน เหมือนจะเป็นลม หรือเห็นดาวตา
ใจสั่นความถี่สูงหรือความรู้สึกหัวใจเต้นผิดปกติอย่างมาก
อ่อนแรงรุนแรงหรือเป็นอัมพาตทันที (อาการคล้าย TPP)
ปัสสาวะสีเข้มหรือปัสสาวะน้อย (อาจเป็นสัญญาณ rhabdomyolysis และไตได้รับผลกระทบ)
ถ้าเกิดอาการข้างต้น ให้หยุดทันที เรียกคนช่วย/รถพยาบาล หรือไป ER ด่วน. ([PubMed Central][6])

คำแนะนำเชิงปฏิบัติ (ถ้าคุณจะลงวิ่ง 10 กม. และมีโรคไทรอยด์ นอนไม่พอ)
1. อย่าหยุดยาหรือปรับยาเอง กินยาตามแพทย์และนำยามาตามปกติในวันแข่ง (ถ้าสงสัยให้ปรึกษาแพทย์ก่อน). ([Cleveland Clinic][10])
2. ถ้าผลเลือดล่าสุด (TSH / free T4) แสดงว่าควบคุมไม่ดี (เช่น TSH ต่ำมากใน hyperthyroid หรือ TSH สูงมากใน hypothyroid) ควร งดแข่งขัน/เลื่อน แล้วปรึกษาแพทย์เพื่อปรับการรักษา. ([NCBI][1])
3. ถ้าพักผ่อนไม่พอมาก ให้พิจารณาลดเป้าหมายเป็นจ็อกช้า ๆ หรือเดิน-วิ่งผสม แทนการพยายามวิ่งเต็มที่ เพื่อป้องกันการหมดแรง/ผิดจังหวะ. ([MDPI][8])
4. เช็กสัญญาณชีพก่อนวิ่ง: อัตราการเต้นหัวใจขณะพัก ความดัน ถ้ามี resting HR สูงผิดปกติหรืออาการใหม่ ๆ ให้พบแพทย์ก่อนออกแรง. ถ้ามีปัจจัยเสี่ยงหัวใจ (อายุมากกว่า 40, สูบบุหรี่, เบาหวาน, ความดันสูง) ควรพิจารณาขอ clearance ทางการแพทย์/ECG ตามคำแนะนำแพทย์. ([PubMed Central][11])
5. การเตรียมตัววันแข่ง: นอนให้ได้มากที่สุด, ดื่มน้ำเพียงพอ, อบอุ่นร่างกาย (warm-up) ช้า ๆ, คุมความเร็วให้ conservative, ไม่รับประทานมื้อคาร์โบหนักมากทันทีหลังออกแรง (สำหรับผู้มี hyperthyroid ที่เสี่ยง TPP ให้ระวัง). ([PubMed Central][6])
6. มีแผนฉุกเฉิน: ยกตัวอย่าง วิ่งกับเพื่อน/แจ้งคนใกล้ชิดว่าคุณมีไทรอยด์, พกโทรศัพท์, รู้ตำแหน่งจุดปฐมพยาบาลในงาน.

ข้อสรุปท้ายสุด
ถ้าไทรอยด์ของคุณ ได้รับการรักษาและควบคุมดี การวิ่ง 10 กม. โดยทั่วไปปลอดภัย แต่ถ้าผลเลือดแสดงว่า ยังควบคุมไม่ดี (โดยเฉพาะไฮเปอร์ไทรอยด์) หรือคุณ พักผ่อนไม่เพียงพอมากควรระมัดระวังอย่างจริงจัง อาจต้องเลื่อนการแข่งขันหรือปรึกษาแพทย์ก่อนลงแข่ง เพราะมีความเสี่ยงต่ออาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ, ภาวะรุนแรงเฉียบพลัน (เช่น thyroid storm, TPP) หรือภาวะแทรกซ้อนทางกล้ามเนื้อ/ไต (rhabdomyolysis) ในบางกรณี.


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy