แชร์

ทำไมต้องใช้เจลนำไฟฟ้าทาก่อน defib?

27 ผู้เข้าชม
ทำไมต้องใช้เจลนำไฟฟ้า ทาก่อน defib?
การใช้เจลนำไฟฟ้า (หรือที่เรียกว่า conductive gel) ก่อนการใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าหัวใจ (Defibrillator) เป็นขั้นตอนที่จำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลทางการแพทย์หลักๆ ดังนี้
1. ลดความต้านทานไฟฟ้าของผิวหนังและหน้าอก (Decrease Electrical Impedance)
· ผิวหนังมนุษย์ตามธรรมชาติมีค่าความต้านทานไฟฟ้าสูง แม้จะดูเรียบเนียน แต่ผิวหนังทำหน้าที่เป็นฉนวนป้องกันไฟฟ้าจากสิ่งแวดล้อมโดยธรรมชาติ
· หากช็อตไฟฟ้าโดยไม่มีเจลนำไฟฟ้า ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะไม่สามารถผ่านเข้าไปถึงหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่จะกระจายอยู่ที่ผิวหนังแทน ซึ่งนำไปสู่:
· การเผาไหม้ผิวหนัง (Burns) ไฟฟ้าจะพบความต้านทานสูงและเกิดความร้อน ทำให้ผิวหนังบริเวณที่วางแผ่นไหม้ได้
· ประสิทธิภาพของการช็อตลดลง พลังงานไฟฟ้าที่ควรจะไปที่หัวใจเพื่อหยุดการเต้นผิดจังหวะจะลดลง อาจทำให้การช็อตครั้งนั้นล้มเหลว
เจลนำไฟฟ้าทำหน้าที่เป็น "สะพาน" ที่ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลจากแผ่นผ่านผิวหนังเข้าไปยังหัวใจได้โดยตรง โดยลดการสูญเสียพลังงานให้น้อยที่สุด
2. กระจายกระแสไฟฟ้าให้สม่ำเสมอ (Ensure Uniform Current Distribution)
เจลนำไฟฟ้าช่วยให้กระแสไฟฟ้าจากแผ่นทั้งสองข้างกระจายตัวไปยังหัวใจอย่างสม่ำเสมอและทั่วถึง แทนที่จะกระจุกตัวอยู่เฉพาะจุด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการที่หัวใจทั้งห้องจะได้รับ depolarization พร้อมกันและหยุดการเต้นผิดจังหวะได้สำเร็จ
3. ปกป้องเนื้อเยื่อ (Protect Tissue)
ด้วยการลดความต้านทานและกระจายกระแสไฟอย่างดี เจลนำไฟฟ้าจึงช่วยป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อบริเวณใต้แผ่น电极ได้รับความเสียหายจากความร้อนสูง ซึ่งหมายถึงการลดความเสี่ยงต่อการเกิดแผลไหม้ระดับลึก และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหากช่วยชีวิตสำเร็จ
เปรียบเทียบให้เห็นชัด:
กรณีที่ใช้เจลนำไฟฟ้า กรณีที่ไม่ได้ใช้เจลนำไฟฟ้า
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระแสไฟฟ้าส่วนใหญ่กระจายอยู่ที่ผิวหนัง
พลังงานที่ตั้งไว้ (เช่น 200 จูล) ถูกส่งไปยังหัวใจเกือบเต็มที่ พลังงานส่วนใหญ่สูญเสียไปกับความต้านทานของผิวหนัง
โอกาสช็อตสำเร็จ (Convert to normal rhythm) สูง โอกาสช็อตสำเร็จต่ำ
เสี่ยงต่อการไหม้ผิวหนังต่ำมาก เสี่ยงต่อการไหม้ผิวหนังสูง
ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อควรระวัง:
· เจลนำไฟฟ้า vs. ครีมหรือสารนำไฟฟ้าอื่นๆ: เจลนำไฟฟ้าสำหรับ Defib ออกแบบมา specifically สำหรับการช็อตไฟฟ้า โดยมีความหนืดเหมาะสม ไม่ไหลเยิ้ม และไม่ทำให้แผ่นลื่นหลุด
· การใช้กับเครื่อง AED (เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ): แผ่นสำหรับเครื่อง AED โดยส่วนใหญ่จะเป็น แผ่นแบบติดครั้งเดียว (Pre-gelled Adhesive Pads) ซึ่งมีสารนำไฟฟ้าอยู่ในแผ่นแล้ว ดังนั้นเมื่อใช้ AED เราจึงไม่ต้องทาเจลเพิ่ม เพราะขั้นตอนนี้ถูกจัดการไว้ในแผ่นแล้ว
· ข้อห้ามสำคัญ: ห้ามใช้สารนำไฟฟ้าที่ไม่ใช่สำหรับการช็อตหัวใจเป็นอันขาด เช่น เจลอัลตราซาวด์ (ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นฉนวน!) หรือวาสลิน เพราะอาจเป็นอันตรายหรือลดประสิทธิภาพการช็อตได้
สรุป
การใช้เจลนำไฟฟ้าก่อน Defib เป็นมาตรฐานทางการแพทย์ที่จำเป็นเพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการช่วยชีวิตและลดภาวะแทรกซ้อน โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ ลดความต้านทานไฟฟ้าที่ผิวหนัง ทำให้กระแสไฟฟ้าสามารถผ่านไปยังหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บจากความร้อนที่ผิวหนัง
เจลนำไฟฟ้าที่ใช้ในการช็อตไฟฟ้าหัวใจ (Defibrillation) ไม่ได้เป็นแค่เจลธรรมดา แต่ถูกออกแบบสูตรมาเป็นพิเศษให้มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าได้ดีในขณะที่ปลอดภัยต่อผู้ป่วย สารประกอบหลักๆ มีดังนี้
สารประกอบหลักและหน้าที่ของพวกมัน
สารในเจลนำไฟฟ้าสามารถแบ่งตามหน้าที่ได้ดังนี้:
1. สารนำไฟฟ้า (Conductive Agents)
เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุด ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่าน โดยเป็น ไอออน (Ions) ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ในเนื้อเจล
· โซเดียมคลอไรด์ (Sodium Chloride - NaCl): เป็นแหล่งของไอออนบวก (Na+) และไอออนลบ (Cl-) ที่สำคัญที่สุด มักใช้ในความเข้มข้นที่ใกล้เคียงกับของเหลวในร่างกาย (isotonic) เพื่อลดการระคายเคือง
· โพแทสเซียมคลอไรด์ (Potassium Chloride - KCl): บางสูตรอาจมีเพื่อช่วยในการนำไฟฟ้า แต่ต้องควบคุมความเข้มข้นอย่างระมัดระวังเนื่องจากโพแทสเซียมส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของหัวใจ
2. สารสร้างเนื้อเจล (Gelling Agents/Thickeners)
ทำหน้าที่เพิ่มความหนืดให้เจล ไม่ให้ไหลเยิ้ม และช่วยให้เกาะติดผิวหนังได้ดี
· เมทิลเซลลูโลส (Methylcellulose)
· คาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส (Carboxymethylcellulose - CMC)
· กัวร์กัม (Guar Gum) หรือสารให้ความหนืดจากธรรมชาติอื่นๆ
· โพลีเอทิลีนออกไซด์ (Polyethylene Oxide - PEO)
3. สารควบคุมความเป็นกรด-ด่าง (Buffering Agents)
เพื่อปรับค่า pH ของเจลให้ใกล้เคียงกับผิวหนัง (ประมาณ 7.4) ป้องกันการระคายเคืองหรือการไหม้จากสารเคมี
· โซเดียมฟอสเฟต (Sodium Phosphate)
4. สารกันเสีย (Preservatives)
เนื่องจากเจลอยู่ในขวดที่เปิดใช้หลายครั้ง จึงต้องมีการเติมสารกันเสียเพื่อป้องกันการเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา
· เมทิลพาราเบน (Methylparaben)
· โพรพิลพาราเบน (Propylparaben)
· โซเดียมเบนโซเอต (Sodium Benzoate)
5. น้ำ (Water)
เป็นตัวทำละลายหลักสำหรับสารประกอบทั้งหมดข้างต้น
เปรียบเทียบกับเจลชนิดอื่นๆ ที่ห้ามใช้
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น มาดูกันว่าทำไมเจลชนิดอื่นถึงอันตราย หรือไม่เหมาะ กับการใช้ช็อตไฟฟ้า:
ประเภทของเจล สารประกอบหลัก เหตุผลที่ห้ามใช้กับ Defib
เจลอัลตราซาวด์ Water, Glycerin, สารลดการสะท้อนคลื่นเสียง ออกแบบมาเป็น ฉนวน เพื่อกันไม่ให้คลื่นเสียงผ่านผิวหนังเร็วเกินไป! การนำไฟฟ้าต่ำมาก ทำให้กระแสไฟไม่สามารถไปถึงหัวใจได้
วาสลิน / ปิโตรเลียม เจล ปิโตรเลียม, แร่ธาตุ เป็นฉนวนไฟฟ้า โดยธรรมชาติ ป้องกันไม่ให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่าน และมีความหนืดสูงมาก อาจทำให้เกิดประกายไฟและไหม้ได้
เจล EKG/ECG คลอไรด์ (เช่น NaCl, KCl), Gelling Agents ใช้ได้กับเครื่องติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG/ECG) เท่านั้น เพราะออกแบบมาให้มีการนำไฟฟ้าต่ำและเสถียรในระยะยาว ไม่เหมาะกับการปล่อยไฟฟ้าพลังงานสูงในเวลาชั่ววูบเช่นการช็อต
สรุป
สารประกอบในเจลนำไฟฟ้าสำหรับ Defib จึงถูกออกแบบมาให้:
1. นำไฟฟ้าได้ดีมาก ผ่านความเข้มข้นของไอออน (เช่น Na+, Cl-)
2. มีเนื้อสัมผัสที่เหมาะสม ไม่ไหลเยิ้มและเกาะติดผิวหนัง
3. ปลอดภัย ต่อผิวหนังและไม่รบกวนการทำงานของหัวใจ
4. มีค่าความต้านทานไฟฟ้าต่ำ เพื่อให้พลังงานไฟฟ้าส่งผ่านไปยังหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy