แชร์

ดื่มนมมากไปอันตรายหรือไม่?

106 ผู้เข้าชม

หญิงอายุ 50 ปี มีอาการท้องเสียและท้องอืดทุกครั้ง หลังรับประทานนมปริมาณมาก อาการดังกล่าวเกิดจากกลไกใด?

A. CCK ลดลง

B. Pancreatic amylase ลดลง

C. Brush border enzyme ลดลง

D. cAMP เพิ่มขึ้น

E. Bile acid หลั่งเพิ่มขึ้น

เฉลย: C. Brush border enzyme ลดลง

เหตุผล:

การวิเคราะห์อาการ: ผู้ป่วยมีอาการ ทุกครั้งหลังดื่มนมปริมาณมาก อาการได้แก่ ท้องเสียและท้องอืด อาการเหล่านี้ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการย่อยและดูดซึม น้ำตาลแลคโตส ในนม

กลไกปกติของการย่อยแลคโตส: ในคนปกติ เมื่อดื่มนมเข้าไป น้ำตาลแลคโตสจะถูกย่อยโดยเอนไซม์ แลคเตส (Lactase) ซึ่งเป็น Brush border enzyme ที่อยู่บนผิวของเซลล์เยื่อบุลำไส้เล็ก แลคเตสจะย่อยแลคโตสให้เป็นกลูโคสและกาแลคโตส เพื่อให้ร่างกายดูดซึมต่อไป

กลไกการเกิดโรค (ในกรณีนี้): เมื่อร่างกายมี เอนไซม์แลคเตสลดลง (ซึ่งเป็นสาเหตุของ ภาวะขาดแลคเตส หรือ Lactose Intolerance) แลคโตสจากนมจะไม่ถูกย่อย แลคโตสที่ไม่ถูกย่อยเหล่านี้จะคงอยู่ในลำไส้และดึงน้ำเข้าสู่ช่องลำไส้ด้วยแรง osmotic (เกิด osmotic diarrhea) เมื่อแลคโตสเคลื่อนไปถึงลำไส้ใหญ่ แบคทีเรียปกติจะมาเผาผลาญแลคโตสแทน ทำให้เกิดก๊าซ (มีเทน คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน) ส่งผลให้ ท้องอืด แน่นท้อง และปวดท้อง

ทำไมตัวเลือกอื่นถึงผิด:

A. CCK ลดลง: CCK เกี่ยวข้องกับการหดรัดถุงน้ำดีและกระตุ้นการหลั่งเอนไซม์จากตับอ่อน ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการย่อยแลคโตส

B. Pancreatic amylase ลดลง: เอมย์เลสจากตับอ่อนย่อยแป้ง ไม่ได้ย่อยน้ำตาลแลคโตส

D. cAMP เพิ่มขึ้น: การเพิ่มขึ้นของ cAMP เป็นกลไกของ cholera toxin ที่ทำให้เกิด secretory diarrhea ไม่ใช่กลไกของ lactose intolerance ซึ่งเป็น osmotic diarrhea

E. Bile acid หลั่งเพิ่มขึ้น: กรดน้ำดีช่วยในการย่อยไขมัน ไม่เกี่ยวข้องกับการย่อยแลคโตส

สรุป: อาการท้องเสียและท้องอืดหลังดื่มนม เกิดจาก ภาวะขาดแลคเตส (Lactose Intolerance) ซึ่งมีกลไกหลักมาจาก การทำงานของ Brush border enzyme (แลคเตส) ลดลง ดังนั้นคำตอบคือ C. Brush border enzyme ลดลง


บทความที่เกี่ยวข้อง
การจัดการภาวะครรภ์เป็นพิษที่อายุครรภ์ครบกำหนด?
ผู้ป่วยหญิงอายุ 42 ปี ตั้งครรภ์ที่ 4 อายุครรภ์ 37 สัปดาห์ มีความดันโลหิตสูง 160/100 mmHg พบโปรตีนในปัสสาวะ 3+ ปากมดลูกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง และ NST ปกติ การจัดการรักษาที่เหมาะสมและเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้คืออะไร?
การดูแลทารกที่เกิดจากมารดาติดเชื้อซิฟิลิส?
มารดาที่มีผลตรวจ VDRL และ FTA-ABS reactive (เป็นบวก) เมื่อ 2 เดือนก่อนคลอด และได้รับยา erythromycin เป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนคลอด ทารกแรกเกิดควรได้รับการจัดการดูแลอย่างไร?
การรักษาโรคไมเกรนในหญิงตั้งครรภ์?
ผู้ป่วยหญิงอายุ 30 ปี ตั้งครรภ์ มีประวัติปวดศีรษะบ่อยๆ เห็นแสงวูบวาบ แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นไมเกรน วิธีรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดในผู้ป่วยรายนี้ (ขณะตั้งครรภ์) คือข้อใด?
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy