แชร์

การดูแลทารกที่เกิดจากมารดาติดเชื้อซิฟิลิส?

5 ผู้เข้าชม

ก. ส่งตัวทารกกลับบ้านได้เลย เนื่องจากมารดาได้รับยามาแล้ว และนัดตรวจเลือดทารกเมื่ออายุ 1 เดือน
ข. ทำการตรวจประเมินทารกอย่างสมบูรณ์เพื่อวินิจฉัยซิฟิลิสแต่กำเนิด และพิจารณาให้การรักษาทันทีหากมีข้อบ่งชี้
ค. ให้ยา erythromycin แก่ทารกต่อเป็นเวลา 7 วัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ง. ให้การรักษาเฉพาะทารกที่มีอาการแสดงทางคลินิกชัดเจนของซิฟิลิสแต่กำเนิดเท่านั้น
เฉลย: ข. ทำการตรวจประเมินทารกอย่างสมบูรณ์เพื่อวินิจฉัยซิฟิลิสแต่กำเนิด และพิจารณาให้การรักษาทันทีหากมีข้อบ่งชี้
เหตุผล:
ความเป็นมาและเหตุผล: การรักษาซิฟิลิสในหญิงตั้งครรภ์ที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากลต้องใช้ penicillin G (โดยเฉพาะ benzathine penicillin G) เท่านั้น เนื่องจากสามารถผ่านรกไปรักษาการติดเชื้อในทารกได้อย่างมีประสิทธิภาพ Erythromycin ไม่ใช่ยามาตรฐาน เนื่องจากไม่สามารถผ่านรกได้ดีเพียงพอ จึงไม่สามารถป้องกันหรือรักษาซิฟิลิสแต่กำเนิดในทารกได้ ดังนั้น ทารกในกรณีนี้จึงมี ความเสี่ยงสูงมาก ที่จะติดเชื้อแม้มารดาจะได้รับยา erythromycin มาแล้ว
การจัดการทารกแรกเกิด:
ต้องสงสัยการติดเชื้อสูง: ทารกทุกรายที่เกิดจากมารดาซิฟิลิสที่ได้รับยารักษาไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ต้องได้รับการประเมินอย่างเต็มที่เพื่อวินิจฉัยซิฟิลิสแต่กำเนิด
การประเมินประกอบด้วย:
ประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อหาอาการ/อาการแสดงของซิฟิลิสแต่กำเนิด (เช่น ผื่น ตุ่มน้ำ ตับม้ามโต ตัวเหลือง น้ำมูกปนเลือด จมูกแฟบ)
ตรวจเลือดทารก (ไม่ใช่เลือดจากสายสะดือ) เพื่อหาภาวะซีด เกล็ดเลือดต่ำ
ตรวจค่า VDRL/RPR quantitative จากเลือดทารกโดยตรง และเปรียบเทียบกับ titre ของมารดา (ถ้า titre ทารกสูงกว่ามารดา 4 เท่า บ่งชี้การติดเชื้อ)
การตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ ตามข้อบ่งชี้ เช่น การตรวจน้ำไขสันหลัง (CSF-VDRL, cell count, protein) เพื่อประเมินการติดเชื้อในระบบประสาท, การเอกซเรย์กระดูกยาว, การตรวจคลื่นเสียงหัวใจ เป็นต้น
ข้อบ่งชี้ในการรักษา: ทารกควรได้รับการรักษาทันทีด้วย penicillin G (aqueous crystalline penicillin G หรือ procaine penicillin G) เป็นเวลา 10-14 วัน หากมีข้อบ่งชี้ดังต่อไปนี้ อย่างน้อยหนึ่งข้อ:
มีอาการทางคลินิกของซิฟิลิสแต่กำเนิด
ค่า VDRL/RPR quantitative จากเลือดทารกสูงกว่ามารดา 4 เท่า
ผลตรวจ FTA-ABS หรือ VDRL จากเลือดทารกเป็นบวก ร่วมกับ มีหลักฐานอื่นบ่งชี้การติดเชื้อ เช่น CSF-VDRL เป็นบวก, ผลการตรวจ CSF ผิดปกติ, ภาพรังสีกระดูกผิดปกติ, ภาวะซีด/เกล็ดเลือดต่ำ, ค่า IgM specific เป็นบวก ฯลฯ
มารดาได้รับการรักษาซิฟิลิสไม่เหมาะสม (เช่น ใช้ยาไม่ใช่ penicillin, รักษาช้าใกล้คลอด, ไม่ได้รับยาตามแผน) โดยไม่ต้องรอผลตรวจยืนยันทั้งหมด เนื่องจากความเสี่ยงสูง
ทำไมไม่เลือกช้อยอื่น:
ก. ผิด เพราะมีความเสี่ยงสูง การส่งกลับบ้านโดยไม่ประเมินอาจทำให้ทารกไม่ได้รับการรักษาที่จำเป็นและเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้
ค. ผิด เพราะ erythromycin ไม่ได้ผลในการรักษาซิฟิลิสแต่กำเนิด ยามาตรฐานคือ penicillin G
ง. ผิด เพราะไม่ควรรอให้ทารกมีอาการรุนแรง การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ หรือในทารกที่ไม่มีอาการแต่มีหลักฐานการติดเชื้อจากผลตรวจ จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนระยะยาวได้

ความสำคัญของการจัดการนี้อยู่ที่การป้องกันภาวะแทรกซ้อนระยะยาวของซิฟิลิสแต่กำเนิดซึ่งรวมถึงความผิดปกติของฟัน หูตึง ปัญญาอ่อน และความผิดปกติของกระดูก การวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของทารกในระยะยาว


บทความที่เกี่ยวข้อง
การจัดการภาวะครรภ์เป็นพิษที่อายุครรภ์ครบกำหนด?
ผู้ป่วยหญิงอายุ 42 ปี ตั้งครรภ์ที่ 4 อายุครรภ์ 37 สัปดาห์ มีความดันโลหิตสูง 160/100 mmHg พบโปรตีนในปัสสาวะ 3+ ปากมดลูกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง และ NST ปกติ การจัดการรักษาที่เหมาะสมและเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้คืออะไร?
การรักษาโรคไมเกรนในหญิงตั้งครรภ์?
ผู้ป่วยหญิงอายุ 30 ปี ตั้งครรภ์ มีประวัติปวดศีรษะบ่อยๆ เห็นแสงวูบวาบ แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นไมเกรน วิธีรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดในผู้ป่วยรายนี้ (ขณะตั้งครรภ์) คือข้อใด?
การตรวจวินิจฉัยการบาดเจ็บหลอดเลือดแดงจากกระสุนปืน?
ผู้ป่วยชายอายุ 28 ปี บาดเจ็บจากกระสุนปืนที่แขนขวา การตรวจร่างกาย: รู้สึกตัวดี ตอบสนองดี ความดันโลหิต 130/80 mmHg แขนขวา: มีแผลกระจายขนาด 8 ซม. ที่แขนและไหล่ คลำชีพจรที่ข้อมือ (ulnar และ radial) ไม่ได้ การตรวจสืบค้นที่เหมาะสมคืออะไร?
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy