มะเร็งลำไส้ใหญ่อาการเตือนที่คุณไม่ควรมองข้าม

ผู้ป่วยชายอายุ 68 ปี มารับการรักษาด้วยอาการ ท้องเสียมีมูกและเลือดปน เป็นเวลา 1 เดือน เขายังมีการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการถ่ายอุจจาระ และน้ำหนักลด 10 กิโลกรัม ในระยะเวลา 3 เดือน
การตรวจร่างกาย (PE):สัญญาณชีพ (V/S): คงที่
เยื่อบุตาขาว: ซีดเล็กน้อย
ตาขาว: ไม่เหลว (ไม่มีดีซ่าน)
ช่องท้อง (Abdomen): อยู่ในเกณฑ์ปกติ (WNL)
การตรวจทางทวารหนัก (PR): คลำไม่พบก้อน, ความตึงตัวของหูรูดปกติ
การจัดการขั้นตอนต่อไปที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร?
จากประวัติและการตรวจร่างกายของผู้ป่วยชายอายุ 68 ปี ที่มีอาการท้องเสียมีมูกและเลือดปนเป็นเวลานานร่วมกับน้ำหนักลดมากอย่างรวดเร็ว แม้สัญญาณชีพจะคงที่แต่การตรวจพบเยื่อบุตาขาวซีดเล็กน้อยบ่งชี้ถึงภาวะเลือดจางซึ่งน่าจะเกิดจากการเสียเลือดเรื้อรัง อาการทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณเตือนของโรคทางเดินอาหารที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งลำไส้ใหญ่ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องวินิจฉัยแยกอันดับแรกในผู้ป่วยกลุ่มอายุนี้ที่มีอาการดังกล่าว:
-แนวทางการจัดการผู้ป่วยรายนี้ควรเริ่มต้นด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการและรังสีวิทยาอย่างเร่งด่วนเพื่อยืนยันการวินิจฉัยการตรวจเลือดอย่างสมบูรณ์จะช่วยประเมินระดับความรุนแรงของภาวะเลือดจางและอาจพบค่ามะเร็งบางชนิดขึ้นสูงได้
-การตรวจอุจจาระหาเลือดแอบแฝงอาจให้ผลบวกแต่ในกรณีนี้ที่เห็นเลือดชัดเจนอยู่แล้วอาจไม่จำเป็นมากนัก แต่การเพาะเชื้ออุจจาระและการตรวจหาเชื้อคลอสตริเดียม ดิฟฟิไซล์ยังคงควรทำเพื่อแยกภาวะติดเชื้อเรื้อรังที่เป็นสาเหตุได้
-การตรวจที่สำคัญและควรทำเป็นลำดับถัดไปคือการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ การส่องกล้องนี้จะทำให้แพทย์สามารถตรวจดูความผิดปกติทั่วทั้งลำไส้ใหญ่และส่วนสุดท้ายของลำไส้เล็กได้โดยตรง หากพบก้อนเนื้อหรือแผลที่สงสัยสามารถตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อยืนยันการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ติ่งเนื้อ หรือโรคอักเสบอื่นๆ ได้ การเตรียมผู้ป่วยสำหรับการส่องกล้องต้องทำอย่างระมัดระวังเนื่องจากผู้ป่วยมีอาการท้องเสียและอาจมีภาวะขาดน้ำแอบแฝง
-การตรวจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ช่องท้องและอุ้งเชิงกรานมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการส่องกล้อง เพราะนอกจากจะช่วยประเมินความหนาของผนังลำไส้และหาการตีบตันแล้ว ยังสามารถตรวจหาการแพร่กระจายของโรคไปยังตับหรือปอดได้ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดระยะของโรคและแผนการรักษาต่อไป ในกรณีที่การส่องกล้องทำได้ไม่สมบูรณ์เนื่องจากการตีบของลำไส้ การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ยังสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับส่วนที่เหลือของลำไส้ใหญ่ที่กล้องส่องผ่านไม่ถึง
ขณะรอผลการตรวจต่างๆ ผู้ป่วยควรได้รับการดูแลประคับประคองตามอาการ ได้แก่ การให้สารน้ำและ electrolyte ทางหลอดเลือดดำเพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำและความไม่สมดุลของ electrolyte ที่อาจเกิดขึ้นจากอาการท้องเสียเรื้อรัง การพิจารณาให้ธาตุเหล็กเสริมในกรณีที่มีภาวะเลือดจางรุนแรง แต่หากภาวะเลือดจางมีมากจนมีอาการควรพิจารณาให้เลือดแทน การบันทึกปริมาณอุจจาระและอาการอย่างสม่ำเสมอเพื่อประเมินความรุนแรงของโรค
เมื่อได้ผลการตรวจแล้ว แนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่พบ หากผลการตรวจยืนยันว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ การรักษาหลักคือการผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกพร้อมกับต่อมน้ำเหลืองโดยรอบ โดยอาจให้เคมีบำบัดหรือรังสีรักษาร่วมด้วยขึ้นกับระยะของโรค การผ่าตัดอาจทำผ่านกล้องหรือเปิดช่องท้องขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของก้อนมะเร็ง
หากผลการตรวจพบว่าเป็นโรค inflammatory bowel disease แบบ ulcerative colitis การรักษาจะเน้นที่การให้ยาต้านการอักเสบเช่น mesalamine ยากดภูมิคุ้มกันเช่น azathioprine หรือยาชีวภาพเช่น infliximab เพื่อควบคุมการอักเสบและป้องกันการลุกลามของโรค
หากผลการตรวจพบเพียงติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ without cellular changes indicating cancer การตัดติ่งเนื้อออกผ่านการส่องกล้องก็ถือเป็นการรักษาที่เพียงพอ แต่ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการติดตามส่องกล้องอย่างสม่ำเสมอเนื่องจากมีแนวโน้มที่จะเกิดติ่งเนื้อใหม่ได้
โดยสรุปแล้วการจัดการผู้ป่วยรายนี้ต้องอาศัยการตรวจวินิจฉัยอย่างเป็นระบบโดยเริ่มจากการตรวจพื้นฐานทางห้องปฏิบัติการตามด้วยการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ จากนั้นจึงให้การรักษาที่จำเพาะต่อสาเหตุที่พบพร้อมกับการดูแลประคับประคองตามอาการ การวินิจฉัยและรักษาได้อย่างรวดเร็วจะช่วยพยากรณ์โรคและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ


