การจัดการบาดแผลสุนัขกัดในเด็ก

เด็กอายุ 5 ปี ถูกสุนัขกัดได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ (complete vaccination) มีแผลถลอก (laceration) และมีเลือดออกเล็กน้อย การจัดการรักษาคืออะไร?
จากการประเมินเด็กอายุ 5 ปีที่ถูกสุนัขกัดและมีแผลถลอกเลือดออกเล็กน้อย แม้ว่าผู้ป่วยจะได้รับวัคซีนพื้นฐานครบตามเกณฑ์แล้ว การจัดการบาดแผลและการป้องกันโรคยังคงต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและรอบคอบ เนื่องจากบาดแผลจากสัตว์กัดมีความเสี่ยงทั้งด้านการติดเชื้อและโรคติดเชื้อร้ายแรง
-ขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดคือการทำความสะอาดบาดแผลอย่างถูกต้อง ควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ภายใต้แรงดันน้ำ adequate เป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที การล้างแผลอย่าง Thorough นี้สามารถลดปริมาณไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าในบาดแผลได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นควรล้างแผลซ้ำด้วยน้ำเกลือ normal saline และพิจารณาใช้สารต้านเชื้อเช่น povidone-iodine ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสได้ดี
-ในการประเมินบาดแผล แผลถลอกแม้จะมีเลือดออกเล็กน้อยถือเป็นบาดแผลเปิดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากน้ำลายสัตว์อาจมีเชื้อโรคจำนวนมาก โดยเฉพาะแบคทีเรีย anaerobic จากช่องปากสุนัข เช่น Pasteurella multocida ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อหลังถูกสุนัขกัด และมักแสดงอาการภายใน 24 ชั่วโมงแรก
-การป้องกันบาดทะยักต้องได้รับการประเมินอย่างระมัดระวัง แม้ผู้ป่วยจะได้รับวัคซีนพื้นฐานครบแล้วได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายมานานกว่า 5 ปี ควรพิจารณาให้วัคซีนบาดทะยักชนิด Td เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เนื่องจากสปอร์ของเชื้อบาดทะยักสามารถปนเปื้อนในบาดแผลได้
-สำหรับการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า แม้ผู้ป่วยจะมีแผลระดับต่ำ แต่ควรประเมินความเสี่ยง based on สถานการณ์หลายประการ ได้แก่ สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีผู้รับผิดชอบหรือสัตว์จรจัด พฤติกรรมของสุนัขก่อนกัด สภาพสุนัขในปัจจุบัน และพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ในกรณีที่สามารถติดตามสุนัขได้ 10 วัน อาจเลื่อนการให้วัคซีนออกไปก่อน
-การให้ยาปฏิชีวนะป้องกันควรพิจารณาในทุกกรณีของบาดแผลสัตว์กัด เนื่องจากมีอัตราการติดเชื้อค่อนข้างสูง ยาที่แนะนำคือ amoxicillin-clavulanate ซึ่งครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยจากน้ำลายสุนัข สำหรับผู้ป่วยที่แพ้ penicillin อาจใช้ doxycycline หรือ trimethoprim-sulfamethoxazole แทน
-การติดตามสุนัขเป็นระยะเวลา 10 วันมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากสุนัขยังมีชีวิตอยู่และไม่มีอาการผิดปกติหลังจาก 10 วัน แสดงว่าไม่มีการปล่อยไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าขณะที่กัด และผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่ำต่อการติดเชื้อ
-ผู้ปกครองควรได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับอาการที่ต้องเฝ้าระวังได้แก่ อาการบวมแดงร้อนมีหนองที่บาดแผล มีไข้ อาการทางระบบประสาทเช่น ความวิตกกังวลผิดปกติ กลัวน้ำ กลัวลม ซึ่งเป็นอาการของโรคพิษสุนัขบ้า
-ในแง่ของสุขภาพจิต เด็กที่ถูกสัตว์กัดอาจมีความกลัวหรือ trauma ต่อสัตว์ จึงควรให้การ support ทางจิตใจและคำแนะนำในการป้องกันการถูกกัดซ้ำการจัดการบาดแผลสัตว์กัดอย่างครบถ้วนรวมถึงการทำแผล การให้ยา การให้วัคซีน และการให้ความรู้ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ


