การประเมินความเสียหายจากไฟฟ้าดูด

ผู้ป่วยชายอายุ 20 ปี ถูกไฟฟ้าดูด มีแผลทางเข้า (inlet wound) ที่มือขวา และแผลทางออก (outlet wound) ที่ขาซ้าย ความดันโลหิต 110/80 mmHg ชีพจร 86 ครั้ง/นาที การตรวจสืบค้นที่มีประโยชน์ที่สุดในผู้ป่วยรายนี้คืออะไร?
จากการประเมินผู้ป่วยชายอายุ 20 ปี ที่ประสบเหตุถูกไฟฟ้าดูด โดยมีแผลทางเข้าที่มือขวาและแผลทางออกที่ขาซ้าย แม้ว่าสัญญาณชีพในขณะนี้จะคงที่คือความดันโลหิต 110/80 มิลลิเมตรปรอทและชีพจร 86 ครั้งต่อนาที แต่การบาดเจ็บจากไฟฟ้าดูดมีความซับซ้อนและอาจมีความเสียหายที่ซ่อนเร้นภายในร่างกายซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจประเมินอย่างละเอียด
-กลไกการบาดเจ็บจากไฟฟ้าดูดประกอบด้วยผลกระทบหลายประการ ได้แก่ ผลทางความร้อนจากพลังงานจูลที่แปลงเป็นความร้อนขณะกระแสไฟฟ้าผ่านเนื้อเยื่อ ผลทาง electrochemical ที่รบกวนการทำงานของเซลล์ และผลทาง mechanical จากแรงหดตัวของกล้ามเนื้อ กระแสไฟฟ้าที่ผ่านจากมือไปยังขาอาจผ่านอวัยวะสำคัญหลายแห่งรวมถึงหัวใจ ปอด และกระดูกสันหลัง
-การตรวจสืบค้นที่มีประโยชน์ที่สุดในผู้ป่วยรายนี้คือการตรวจเลือดเพื่อหาระดับ creatine phosphokinase หรือ CPK เอนไซม์นี้ถูกปล่อยออกจากเซลล์กล้ามเนื้อเมื่อเกิดความเสียหาย การตรวจพบระดับ CPK ที่สูงขึ้นสามารถบ่งชี้ถึงขอบเขตและความรุนแรงของการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ แม้ว่าผู้ป่วยอาจมีเพียงแผลขนาดเล็กที่ผิวหนังภายนอกก็ตาม
-นอกจาก CPK แล้ว ควรตรวจหา myoglobin ในเลือดและปัสสาวะ เนื่องจาก myoglobin ที่ถูกปล่อยจากกล้ามเนื้อที่ถูกทำลายสามารถไปอุดตันที่ท่อไตและนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลันได้ การตรวจการทำงานของไตรวมถึงค่า blood urea nitrogen และ creatinine มีความสำคัญในการประเมินผลกระทบต่อไต
-การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นสิ่งจำเป็นแม้ว่าผู้ป่วยจะมีชีพจรปกติในขณะนี้ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ผ่านหัวใจอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ระบบนำไฟฟ้าหัวใจและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะในภายหลังได้ โดยเฉพาะในช่วง 24 ถึง 48 ชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุ
-ควรตรวจระดับ electrolytes ในเลือดโดยเฉพาะโพแทสเซียมซึ่งอาจสูงขึ้นจากการที่เซลล์กล้ามเนื้อถูกทำลายจำนวนมาก ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงอาจทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะที่อันตรายได้
-การตรวจ arterial blood gas ช่วยประเมินภาวะ metabolic acidosis ที่อาจเกิดขึ้นจากการขาดออกซิเจนของเนื้อเยื่อและการสะสมของกรดแลคติก
-แม้ว่าผู้ป่วยจะมีแผลภายนอกเพียงเล็กน้อย แต่ควรพิจารณาการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือเอ็มอาร์ไอเพื่อประเมินความเสียหายของเนื้อเยื่อลึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแนวทางที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านจากมือไปยังขา
-การดูแลผู้ป่วยประกอบด้วยการให้สารน้ำทางเส้นเลือดจำนวนมากเพื่อป้องกันภาวะไตวายจาก myoglobinuria การติดตามการเต้นของหัวใจอย่างต่อเนื่อง และการดูแลแผลอย่างเหมาะสมซึ่งอาจต้องการการตัดเนื้อเยื่อที่ตายออก
ผู้ป่วยควรได้รับการสังเกตอาการในโรงพยาบาลอย่างน้อย 24 ถึง 48 ชั่วโมง เนื่องจากภาวะแทรกซ้อนจากการถูกไฟฟ้าดูดอาจปรากฏช้ากว่าอาการภายนอกที่เห็น


