การวินิจฉัยการบาดเจ็บระบบทางเดินปัสสาวะจากอุบัติเหตุ

ผู้ป่วยชายอายุ 20 ปี ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ชน (MCA) เมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว การตรวจร่างกาย: ความดันโลหิต 120/80 mmHg, การหายใจ 18 ครั้ง/นาที, ชีพจร 90 ครั้ง/นาที, ออกซิเจนในเลือด 98% ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี แต่มีรอยฟกช้ำเลือดออกที่ถุงอัณฑะและอวัยวะเพศ และมีเลือดออกทางท่อปัสสาวะ การตรวจสืบค้นที่เหมาะสมที่สุดคืออะไร?
จากการประเมินผู้ป่วยชายอายุ 20 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ชนเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน และมีการตรวจพบรอยฟกช้ำเลือดออกที่บริเวณถุงอัณฑะและอวัยวะเพศร่วมกับมีเลือดออกทางท่อปัสสาวะ โดยที่ผู้ป่วยยังรู้สึกตัวดีและมีสัญญาณชีพคงที่ ชุดอาการนี้บ่งชี้อย่างชัดเจนถึงการบาดเจ็บรุนแรงต่อระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่อปัสสาวะส่วนหลัง
-กลไกการบาดเจ็บเกิดจากแรงกระแทกอย่างรุนแรงที่ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของกระดูกเชิงกราน โดยเฉพาะบริเวณ symphysis pubis ที่เคลื่อนแยกออกจากกัน หรือมีกระดูกหักที่บริเวณ rami ของกระดูก pubis ซึ่งทำให้ท่อปัสสาวะส่วน posterior ถูกยึดตรึงอยู่ที่ urogenital diaphragm ถูกดึงจนฉีกขาด
-การตรวจสืบค้นที่เหมาะสมและสำคัญที่สุดคือการถ่ายภาพรังสีท่อปัสสาวะด้วยสารทึบรังสีหรือเรโทรเกรดยูเรโธรแกรม วิธีการนี้ทำโดยการสอด catheter เข้าไปในท่อปัสสาวะส่วนต้นแล้วฉีดสารทึบรังสีประมาณ 20 ถึง 30 มิลลิลิตร under fluoroscopy เพื่อดูการรั่วของสารทึบรังสีซึ่งบ่งชี้ถึงตำแหน่งและขอบเขตของการบาดเจ็บ
-ความสำคัญของการตรวจนี้อยู่ที่การหลีกเลี่ยงการพยายามใส่สายสวนปัสสาวะแบบมาตรฐานในผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีการบาดเจ็บของท่อปัสสาวะ เนื่องจากการใส่สายสวนปัสสาวะโดยไม่ทราบสถานะของการบาดเจ็บอาจทำให้การฉีกขาดที่มีอยู่เดิมรุนแรงขึ้น นำไปสู่การเกิด stricture ของท่อปัสสาวะในอนาคต หรือทำให้เกิด false passage ได้
-นอกจากเรโทรเกรดยูเรโธรแกรมแล้ว ควรส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือซีทีสแกนของช่องท้องและเชิงกรานด้วย เนื่องจากผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุรถยนต์ชนซึ่งมีพลังงานสูง อาจมีการบาดเจ็บของอวัยวะอื่นร่วมด้วย เช่น กระเพาะปัสสาวะที่อาจมีการฉีกขาด ไตที่อาจมีการบาดเจ็บ หรือมีเลือดออกในช่องท้อง
-การประเมินกระดูกเชิงกรานด้วยการเอกซเรย์ธรรมดาหรือซีทีสแกนมีความสำคัญเนื่องจากอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บของท่อปัสสาวะส่วน posterior มักมีกระดูกเชิงกรานหักร่วมด้วย โดยเฉพาะประเภท anterior-posterior compression หรือ vertical shear injuries ซึ่งมีความไม่มั่นคงของกระดูกเชิงกราน
-หากผลการตรวจเรโทรเกรดยูเรโธรแกรมแสดงว่ามีการบาดเจ็บของท่อปัสสาวะ ควรปรึกษาศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะทันที สำหรับการบาดเจ็บระดับ partial tear อาจรักษาแบบอนุรักษ์โดยการใส่สายสวนปัสสาวะผ่านการบาดเจ็บภายใต้การนำทางด้วยการส่องกล้อง แต่ในกรณีที่บาดเจ็บระดับ complete rupture การผ่าตัดท่อปัสสาวะทันทีหรือการทำ suprapubic cystostomy ชั่วคราว
-ระหว่างรอการตรวจวินิจฉัยและรักษา ควรประเมินสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิด เนื่องจากผู้ป่วยอาจมีเลือดออกจากกระดูกเชิงกรานหักหรือการบาดเจ็บอื่นที่ยังไม่ปรากฏ และควรตรวจหาระดับ hemoglobin และ hematocrit เพื่อประเมินปริมาณเลือดที่เสียไป
การบาดเจ็บของท่อปัสสาวะส่วน posterior เป็นภาวะร้ายแรงที่อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนระยะยาวการตีบแคบของท่อปัสสาวะ ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ดังนั้นการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรักษาอย่างเหมาะสมตั้งแต่แรกจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในระยะยาว


