การคำนวณสารน้ำในผู้ป่วยไฟไหม้ด้วยสูตรพาร์คแลนด์

ผู้ป่วยหญิงอายุ 50 ปี อยู่ในบ้านที่เกิดเหตุไฟไหม้ น้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม ตรวจร่างกายพบ:
แผลไหม้ระดับที่ 1 ร้อยละ 15 ของพื้นที่ผิวร่างกาย
แผลไหม้ระดับที่ 2 ร้อยละ 25 ของพื้นที่ผิวร่างกาย
แผลไหม้ระดับที่ 3 ร้อยละ 10 ของพื้นที่ผิวร่างกาย
มาถึงห้องฉุกเฉินหลังจากเกิดเหตุ 1 ชั่วโมง ถามว่า อัตราการให้สารน้ำตามสูตรพาร์คแลนด์ในชั่วโมงแรกเป็นเท่าไร?
จากการประเมินผู้ป่วยหญิงอายุ 50 ปี น้ำหนัก 50 กิโลกรัม ที่ได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้ด้วยแผลระดับที่ 1 ร้อยละ 15 ระดับที่ 2 ร้อยละ 25 และระดับที่ 3 ร้อยละ 10 ของพื้นที่ผิวร่างกาย โดยผู้ป่วยมาถึงห้องฉุกเฉินหลังจากเกิดเหตุ 1 ชั่วโมง การคำนวณสารน้ำตามสูตรพาร์คแลนด์ต้องพิจารณาหลักการสำคัญหลายประการ
-สูตรพาร์คแลนด์ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อคำนวณปริมาณสารน้ำที่จำเป็นใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการบาดเจ็บจากไฟไหม้ โดยพิจารณาจากน้ำหนักตัวและพื้นที่บาดแผลระดับที่ 2 และ 3 เท่านั้น เนื่องจากแผลระดับที่ 1 ไม่ทำให้เกิดการสูญเสียของเหลวอย่างมีนัยสำคัญทางคลินิก ดังนั้นพื้นที่บาดแผลที่ใช้ในการคำนวณคือ 25% + 10% = 35% ของพื้นที่ผิวร่างกาย
-ปริมาณสารน้ำรวมใน 24 ชั่วโมงคำนวณจาก 4 มิลลิลิตร × น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) × พื้นที่บาดแผลระดับที่ 2 และ 3 (เปอร์เซ็นต์) ซึ่งได้ 4 × 50 × 35 = 7,000 มิลลิลิตร
-ตามหลักการของสูตรพาร์คแลนด์ ปริมาณสารน้ำรวมนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองช่วง คือครึ่งแรกให้ภายใน 8 ชั่วโมงแรกนับจากเวลาที่เกิดการไหม้ และครึ่งหลังให้ใน 16 ชั่วโมงถัดไป ดังนั้นปริมาณสารน้ำใน 8 ชั่วโมงแรกคือ 3,500 มิลลิลิตร
เนื่องจากผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุ 1 ชั่วโมง จึงเหลือเวลาอีก 7 ชั่วโมงในระยะ 8 ชั่วโมงแรก การคำนวณอัตราการให้สารน้ำจึงต้องปรับตามเวลาที่เหลืออยู่ โดยให้สารน้ำ 3,500 มิลลิลิตร ใน 7 ชั่วโมง ซึ่งคำนวณเป็นอัตรา 500 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง
-สารน้ำที่แนะนำคือ Lactated Ringer's solution เนื่องจากมีองค์ประกอบใกล้เคียงกับพลาสม่าและช่วยแก้ไขภาวะ metabolic acidosis ที่อาจเกิดขึ้นจากการบาดเจ็บ อย่างไรก็ตามอัตราการให้นี้เป็นเพียงแนวทางเริ่มต้น และต้องปรับตามการตอบสนองของผู้ป่วย
-การติดตามการตอบสนองต่อการให้สารน้ำทำได้โดยการวัดความดันเลือด อัตราการเต้นหัวใจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณปัสสาวะซึ่งควรอยู่ที่ 0.5 ถึง 1 มิลลิลิตรต่อกิโลกรัมต่อชั่วโมง ในผู้ป่วยรายนี้ควรมีปริมาณปัสสาวะ 25 ถึง 50 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง
-นอกจากนี้ต้องประเมินสัญญาณชีพอื่นๆ เช่น ระดับความรู้ตัว ความดันเลือดซิสโตลิกที่ควรมากกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท อัตราการเต้นหัวใจที่ควรน้อยกว่า 120 ครั้งต่อนาที และค่าการตรวจทางห้องปฏิบัติการเช่น hematocrit และ electrolytes ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการให้สารน้ำมากเกินไปภาวะบวมน้ำที่ปอด กลุ่มอาการ compartment syndrome ของช่องท้องหรือแขนขา และภาวะ dilutional hyponatremia ดังนั้นการติดตามอย่างใกล้ชิดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
การจัดการผู้ป่วยบาดเจ็บจากไฟไหม้นอกจากให้สารน้ำแล้ว ยังต้องดูแลบาดแผลอย่างเหมาะสม ให้ยาบรรเทาปวด และประเมินการบาดเจ็บทางระบบหายใจจากการสูดดมควันไฟ ซึ่งอาจมีผลต่อการพยากรณ์โรคของผู้ป่วย


