ไข้ ต่อมทอนซิลมีหนอง ต่อมน้ำเหลืองคอโต ตับโต วินิจฉัยอะไร?
10 ผู้เข้าชม

ผู้ป่วยมีไข้ ต่อมทอนซิลอักเสบชนิดมีหนอง ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต ตับโต?
1.โรคสครับไทฟัส (ไข้รากสาดใหญ่)
2.โรคโมโนนิวคลิโอซิส (ไข้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ)
3.โรคสการ์เลตฟีเวอร์ (ไข้ scarlet)
ตอบ 2. โรคโมโนนิวคลิโอซิส (Infectious Mononucleosis)
จากอาการผู้ป่วยที่มีไข้ ต่อมทอนซิลอักเสบชนิดมีหนอง (exudative tonsillitis) ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต (cervical lymphadenopathy) และตับโต (hepatomegaly) อาการทั้งหมดนี้ประกอบกันเป็นกลุ่มอาการที่พบได้ในโรคติดเชื้อหลายชนิด แต่มีโรคหนึ่งที่อาการเหล่านี้เป็นลักษณะเฉพาะที่ชัดเจน
การวินิจฉัยที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับผู้ป่วยรายนี้คือ 2. โรคโมโนนิวคลิโอซิส (Infectious Mononucleosis)
โรคโมโนนิวคลิโอซิสเป็นการติดเชื้อไวรัสที่มีสาเหตุหลักจาก Epstein-Barr virus (EBV) ซึ่งเป็น human herpesvirus 4 ไวรัสนี้มีลักษณะเฉพาะคือสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในเซลล์ B lymphocytes และ epithelial cells ของช่องปากและคอหอย
กลไกทางพยาธิสรีรวิทยาของโรคโมโนนิวคลิโอซิสเริ่มจากไวรัส EBV เข้าสู่ร่างกายผ่านทางน้ำลายแล้วติดเชื้อใน epithelial cells ของคอหอยและต่อมน้ำลาย ไวรัสจะแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง regional และเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อติดเชื้อในเซลล์ B lymphocytes การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อนี้ทำให้เกิด atypical T lymphocytes จำนวนมาก ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำลายเซลล์ B ที่ติดเชื้อ
ลักษณะทางคลินิกที่สำคัญที่สนับสนุนการวินิจฉัยโมโนนิวคลิโอซิสได้แก่ ต่อมทอนซิลอักเสบชนิดมีหนองซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่พบได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย ต่อมน้ำเหลืองที่คอโตโดยเฉพาะที่บริเวณ posterior cervical chain ซึ่งแตกต่างจากการติดเชื้อ streptococcal ที่มักทำให้ต่อมน้ำเหลือง anterior cervical chain โต ตับโตร่วมกับอาจมีม้ามโตซึ่งพบได้บ่อยจากการที่ไวรัสไปกระตุ้นระบบ reticuloendothelial system
การวินิจฉัยแยกโรคต้องพิจารณาอย่างละเอียด โรคสครับไทฟัสมักมี eschar ที่ตำแหน่งถูกไรอ่อนกัดและไม่มีต่อมทอนซิลอักเสบชนิดมีหนองชัดเจน โรคสการ์เลตฟีเวอร์มักมีลิ้น strawberry และผื่นแบบ sandpaper rash ที่ลำตัว
การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ช่วยยืนยันการวินิจฉัยโมโนนิวคลิโอซิสได้แก่ การตรวจพบ atypical lymphocytes ในเลือด peripheral blood การตรวจ heterophile antibody test (Monospot test) ซึ่งให้ผลบวก และการตรวจแอนติบอดีจำเพาะต่อ EBV
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ ภาวะม้ามแตกจากการที่ม้ามโตมากและบอบบาง ภาวะทางระบบประสาทเช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสว หรือเส้นประสาทอักเสว ภาวะตับอักเสว และภาวะ airway obstruction จากต่อมทอนซิลบวมมาก
การจัดการโรคโมโนนิวคลิโอซิสส่วนใหญ่เป็นการรักษาประคับประคอง ได้แก่ การพักผ่อนอย่างเพียงพอ การดื่มน้ำมากๆ การใช้ยาแก้ปวดลดไข้ และการหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักเพื่อป้องกันม้ามแตก ในกรณีที่มีอาการรุนแรงอาจพิจารณาให้ corticosteroids
โดยสรุป then โรคโมโนนิวคลิโอซิสเป็นการวินิจฉัยที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากอธิบายลักษณะทางคลินิกทั้งหมดได้ครบถ้วน ทั้งต่อมทอนซิลอักเสบชนิดมีหนอง ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต และตับโต ซึ่งเป็น triad คลาสสิกของโรคนี้
1.โรคสครับไทฟัส (ไข้รากสาดใหญ่)
2.โรคโมโนนิวคลิโอซิส (ไข้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ)
3.โรคสการ์เลตฟีเวอร์ (ไข้ scarlet)
ตอบ 2. โรคโมโนนิวคลิโอซิส (Infectious Mononucleosis)
จากอาการผู้ป่วยที่มีไข้ ต่อมทอนซิลอักเสบชนิดมีหนอง (exudative tonsillitis) ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต (cervical lymphadenopathy) และตับโต (hepatomegaly) อาการทั้งหมดนี้ประกอบกันเป็นกลุ่มอาการที่พบได้ในโรคติดเชื้อหลายชนิด แต่มีโรคหนึ่งที่อาการเหล่านี้เป็นลักษณะเฉพาะที่ชัดเจน
การวินิจฉัยที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับผู้ป่วยรายนี้คือ 2. โรคโมโนนิวคลิโอซิส (Infectious Mononucleosis)
โรคโมโนนิวคลิโอซิสเป็นการติดเชื้อไวรัสที่มีสาเหตุหลักจาก Epstein-Barr virus (EBV) ซึ่งเป็น human herpesvirus 4 ไวรัสนี้มีลักษณะเฉพาะคือสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในเซลล์ B lymphocytes และ epithelial cells ของช่องปากและคอหอย
กลไกทางพยาธิสรีรวิทยาของโรคโมโนนิวคลิโอซิสเริ่มจากไวรัส EBV เข้าสู่ร่างกายผ่านทางน้ำลายแล้วติดเชื้อใน epithelial cells ของคอหอยและต่อมน้ำลาย ไวรัสจะแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง regional และเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อติดเชื้อในเซลล์ B lymphocytes การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อนี้ทำให้เกิด atypical T lymphocytes จำนวนมาก ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำลายเซลล์ B ที่ติดเชื้อ
ลักษณะทางคลินิกที่สำคัญที่สนับสนุนการวินิจฉัยโมโนนิวคลิโอซิสได้แก่ ต่อมทอนซิลอักเสบชนิดมีหนองซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่พบได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย ต่อมน้ำเหลืองที่คอโตโดยเฉพาะที่บริเวณ posterior cervical chain ซึ่งแตกต่างจากการติดเชื้อ streptococcal ที่มักทำให้ต่อมน้ำเหลือง anterior cervical chain โต ตับโตร่วมกับอาจมีม้ามโตซึ่งพบได้บ่อยจากการที่ไวรัสไปกระตุ้นระบบ reticuloendothelial system
การวินิจฉัยแยกโรคต้องพิจารณาอย่างละเอียด โรคสครับไทฟัสมักมี eschar ที่ตำแหน่งถูกไรอ่อนกัดและไม่มีต่อมทอนซิลอักเสบชนิดมีหนองชัดเจน โรคสการ์เลตฟีเวอร์มักมีลิ้น strawberry และผื่นแบบ sandpaper rash ที่ลำตัว
การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ช่วยยืนยันการวินิจฉัยโมโนนิวคลิโอซิสได้แก่ การตรวจพบ atypical lymphocytes ในเลือด peripheral blood การตรวจ heterophile antibody test (Monospot test) ซึ่งให้ผลบวก และการตรวจแอนติบอดีจำเพาะต่อ EBV
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ ภาวะม้ามแตกจากการที่ม้ามโตมากและบอบบาง ภาวะทางระบบประสาทเช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสว หรือเส้นประสาทอักเสว ภาวะตับอักเสว และภาวะ airway obstruction จากต่อมทอนซิลบวมมาก
การจัดการโรคโมโนนิวคลิโอซิสส่วนใหญ่เป็นการรักษาประคับประคอง ได้แก่ การพักผ่อนอย่างเพียงพอ การดื่มน้ำมากๆ การใช้ยาแก้ปวดลดไข้ และการหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักเพื่อป้องกันม้ามแตก ในกรณีที่มีอาการรุนแรงอาจพิจารณาให้ corticosteroids
โดยสรุป then โรคโมโนนิวคลิโอซิสเป็นการวินิจฉัยที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากอธิบายลักษณะทางคลินิกทั้งหมดได้ครบถ้วน ทั้งต่อมทอนซิลอักเสบชนิดมีหนอง ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต และตับโต ซึ่งเป็น triad คลาสสิกของโรคนี้


